‘บิ๊กตู่’ บอกอยู่ในช่วงตัดสินใจการเมือง แย้มถ้าอยู่ต่อ จะเลือกพรรคไม่ล้มล้างสิ่งที่เคยทำมา

“บิ๊กตู่” เผยอยู่ในช่วงตัดสินใจอนาคตการเมืองควรทำงานต่อหรือไม่ แย้มหากอยู่ต้องเลือกพรรคที่ตั้งใจ-เสียสละ-ไม่ล้มล้างผลงานรัฐบาล คสช. เตือนพรรคการเมืองชูแปลง ส.ป.ก.เป็นโฉนดต้องระวัง

เมื่อวันที่ 22 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงหลัง พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้งมีผลบังคับใช้ รัฐบาลยังจะเดินสายประชุม ครม.สัญจรอีกหรือไม่ เพราะหลายพรรคกังวลความได้เปรียบเสียเปรียบทางการเมืองว่า หลัง พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้งมีผลบังคับใช้ เดี๋ยวคงจะออกมาเร็ววันนี้ ฉะนั้นเรื่องการทำงานของรัฐบาลต้องเข้าใจว่ารัฐบาลนี้ต้องทำงานและเป็นรัฐบาลที่มาด้วยวิธีพิเศษ สิ่งที่รัฐบาลนี้ทำคือการแก้ปัญหาที่เป็นวาระแห่งชาติ หลายเรื่องทำสำเร็จไปแล้ว แต่อีกหลายเรื่องจำเป็นต้องวางพื้นฐานแก้ไขปัญหาด้านกฎหมายเพื่อขจัดอุปสรรคต่างๆ ที่มีอยู่ในอดีตที่ผ่านมา เราอย่าไปมองเรื่องได้เปรียบเสียเปรียบ เพราะรัฐบาลนี้ไม่ได้ทำเพื่อใครทั้งสิ้น ทำตามแนวทางนโยบายของรัฐบาลที่กำหนดมาก่อนหน้านี้แล้ว ไม่เช่นนั้นประชาชนจะไม่ได้รับการดูแลในช่วงนี้ ถ้าไปรอต้องโน่นเมื่อไหร่จะได้ดู ก็ทำไป วันหน้าถ้าเห็นว่าสามารถทำอะไรได้ดีกว่าก็ไปทำใหม่มา แต่จะต้องไม่ไปล้มล้างกฎหมาย ล้มล้าง พ.ร.บ.การเงินการคลังทั้งหมด วันนี้ ป.ป.ช.ได้ออกมาตรการป้องกันการทุจริตเรื่องข้าว กฎระเบียบการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) รัฐบาลได้ทำตามมาตลอด นี่คือความแตกต่าง

เมื่อถามถึงบทบาทและอนาคตทางการเมืองหลังเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องนี้ได้บอกหลายครั้งแล้ว อยู่ในช่วงการตัดสินใจของตนว่าควรจะอยู่ทำงานต่อหรือไม่ หากอยู่ต่อจะอยู่ได้ด้วยอะไร ฉะนั้น กำลังดูว่าถ้าต้องอยู่จะต้องทำอย่างไร

“อันแรกพรรคการเมืองต้องมาเชิญผมก่อน และผมจะตอบรับใครหรือเปล่าก็ต้องคิดดู ถ้าคิดว่าจะต้องอยู่ต่อเพื่อทำงานต่อ ก็คงต้องอยู่พรรคใดพรรคหนึ่ง ทั้งนี้ จะต้องเป็นพรรคที่ทำงานด้วยความตั้งใจ เสียสละอย่างแท้จริง และทำให้บ้านเมืองเปลี่ยนแปลงในวันข้างหน้า ไม่ใช่ไปล้มล้างทุกอย่างที่ทำมาทั้งหมด มันเสียเวลาเปล่า มีหลายอย่างที่สำเร็จมา” นายกฯกล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า วันนี้ได้มีการแจกจ่ายเอกสารผลงานการดำเนินงานของรัฐบาลปีที่ 4 เล่มหนาถ้าเอาผลงานมาดู 4 ปี จะเห็นว่ารัฐบาลทำอะไรมาบ้าง อย่าบอกว่ารัฐบาลไม่ทำอะไร ขอให้ไปหาดู เดี๋ยวจะมีการแจกจ่ายกัน และยังมีคิวอาร์โค้ดสามารถเปิดดูผลงานรัฐบาลได้ด้วย ทั้งนี้ รัฐบาล ข้าราชการ จำเป็นต้องรักษากฎหมายที่ถืออยู่ การเมืองอย่ามาทำให้เขาต้องเสี่ยงภัยไปด้วย

เมื่อถามว่าพรรคพลังประชารัฐเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในเวลานี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนยังไม่รับการติดต่อจากพรรคพลังประชารัฐ ส่วนกรณีที่พลังประชารัฐชูนโยบายแปลงที่ดิน ส.ป.ก.เป็นโฉนดให้เกษตรกรนั้น อยู่ในขั้นตอนการหารือ สิ่งที่ตนบอกได้ในตอนนี้คือระมัดระวังหน่อย การจะเอาที่ดิน ส.ป.ก.ออกเป็นโฉนดเหมาะสมหรือไม่ ตนได้เตือนไปแล้วผ่านทางสื่อและอะไรต่างๆ ขอให้ทุกคนระมัดระวังเรื่องนี้ ไม่เช่นนั้นที่ดินเหล่านี้ จากที่ใช้ทำการเกษตรจะไปเป็นอย่างอื่นหมด แต่เรากำลังหาวิธีการ พยายามทำให้ที่ดินบางส่วนเหล่านี้ที่สามารถจะทำกิจการอื่นได้มากกว่าการเกษตรจะหามาตรการอย่างไรให้สามารถทำได้ เช่น วิสาหกิจชุมชนหรือทำกิจการสาธารณประโยชน์ที่เกิดกับส่วนรวมในพื้นที่เหล่านั้น เพราะบางพื้นที่ทำการเกษตรไม่ได้ อันนั้นคือปัญหา ฉะนั้นกำลังหาวิธีการอยู่ ไม่ใช่รัฐบาลนี้ไม่สนใจ ไม่เป็นห่วงประชาชน ถ้าไม่เป็นห่วงเราจะจัดที่ดินในเขาทำไม ดังนั้น วันนี้เรื่องการปลูกป่าอะไรต่างๆ เราได้มีมาตรการขยายไปแล้ว ทำให้ทั่วถึงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นที่ดินเอกชน ประชาชน ที่ดินที่คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) ที่สามารถปลูกไม้มีค่าได้ ทั้งนี้ ประเด็นที่หลายคนกลัว จะมีการตัดป่า หรือมีไม้สวมต่อ เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะต้องขึ้นทะเบียน ไม่ว่าจะปลูกที่ไหนก็ตาม ต้องมีการติดตามทุกปี วันนี้เทคโนโลยีตรวจสอบได้หมดว่าไม้มาจากไหน และไม้ที่ปลูก 10-20 ปีข้างหน้าจะเป็นสินทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้จากธนาคารได้ นี่คือวิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า การปลูกป่าได้มีการคุยในที่ประชุม ครม.วันนี้ เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการปลูก โดยกระทรวงการคลังเสนอมาตรการปรับลดภาษีได้ กรณีที่ใช้เงินในการบริจาคต่างๆ ให้ประชาชนไปปลูกป่าในพื้นที่และทำให้ประชาชนอยู่ร่วมกับป่าได้

อย่างไรก็ตาม นายกฯกล่าวอีกว่า จากการติดตามของฝ่ายความมั่นคงรายงานว่า มีคนที่มาร้องเรียนเกี่ยวกับเรื่องการเลือกตั้ง ซึ่งมีประมาณ 200-300 คน แต่ทุกคนเจ้าหน้าที่ได้มีการติดตามพฤติกรรมทางการข่าว มีการถ่ายรูป ก็หน้าตาทุกคนก็ชุดเดิม กลุ่มเดิมๆ ไม่มีกลุ่มอื่น เพราะฉะนั้นขอเพียงว่าอย่าให้ใครไปให้ความสนใจมากนักเลย เดี๋ยวก็เกิดความขัดแย้งกันอีก คนไม่ชอบเขาก็มี ไม่ใช่พอมีเรื่องมีราวขึ้นมาก็โทษฝ่ายรัฐดำเนินการอีก มันไม่ใช่ รัฐจะต้องรักษาความสงบให้ได้มากที่สุด

มติชนออนไลน์