เผยแพร่ |
---|
“สนธิรัตน์” แจง ยาและบริการการแพทย์อยู่ใน 52 สินค้าควบคุม เตรียมตั้งอนุกรรมการที่ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม กำหนดมาตรการเป็นธรรม ยืนยันรัฐไม่แทรกแซง
เมื่อวันที่ 22 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่กระทรวงพาณิชย์เสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาทบทวนบัญชีสินค้าและบริการควบคุมประจำปี 2562 ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ.2542 โดยปีนี้เสนอสินค้าควบคุม 52 รายการ คือเวชภัณฑ์และการบริการทางการแพทย์ เนื่องจากประชาชนร้องเรียนว่าคิดค่าบริการและราคายาแพง ว่า ครม.ให้ความเห็นชอบตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ การกำหนดสินค้าและบริการควบคุมประจำปี 2562 จำนวน 52 รายการ จำแนกเป็น 46 สินค้า และ 6 บริการ ตามมติคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ทั้งนี้ การขึ้นบริการควบคุมในทางการแพทย์นั้นไม่ได้หมายความว่าจะไปคุมราคาขั้นสูงสุด กับการรักษาพยาบาล เนื่องจากการรักษาพยาบาลนั้นเป็นบริการที่มีความจำเพาะเจาะจง ไม่เหมือนสินค้าทั่วไปที่มีราคาเดียว ซึ่งในที่ประชุม กกร.ก็ได้มีมติชัดเจนแล้วว่า เมื่อขึ้นเป็นบริการควบคุมแล้วก็ให้มีอนุกรรมการที่มีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย เช่น ตัวแทนของรัฐบาล คือกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุขและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมถึงตัวแทนภาคธุรกิจคือโรงพยาบาลเอกชน และตัวแทนของภาคประชาชน เข้ามาเป็นคณะอนุกรรมการร่วม เพื่อหาว่าจะกำหนดมาตรการใดที่จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประชาชนที่จะต้องใช้บริการในการรักษาพยาบาลกับโรงพยาบาลเอกชน เป็นการรักษาทางเลือก อีกทั้งให้ความเป็นธรรมโปร่งใสแก่ประชาชนที่รับบริการ โดยให้ทั้งสองฝ่ายเห็นชอบร่วมกันในการออกมาตรการ
“ขอเรียนว่า เวลาขึ้นเป็นบริการหรือสินค้าควบคุมนั้น มีทั้งมีมาตรการและไม่มีมาตรการ ในส่วนของเรื่องมาตรการก็มีความชัดเจนแล้วว่าให้ไปหารือเพื่อออกมาตรการที่เห็นชอบพร้อมกันทั้งหมด ขอย้ำว่าไม่อยากให้เป็นความตระหนกตกใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งของตลาดทุนว่ารัฐบาลจะเข้าไปควบคุมราคาสูงสุดของค่าบริการต่างๆ ทางการแพทย์ ซึ่งไม่เป็นความจริง ในอดีตรายการสินค้าและบริการควบคุมทั้งหมดที่ขึ้นอยู่กับกระทรวงพาณิชย์กว่า 50 รายการนั้น มีเพียงน้ำตาลทรายตัวเดียวที่ควบคุมราคาสูงสุดไว้ ส่วนตัวอื่นจะเป็นราคาที่เหมาะสมของสินค้าแต่ละเรื่อง เช่น การแจ้งต้นทุน ราคาแนะนำ จึงขอให้สบายใจว่ากระทรวงพาณิชย์และกระทรวงสาธารณสุขทำเรื่องนี้ด้วยความรอบคอบ เพื่อความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย” นายสนธิรัตน์กล่าว
นายสนธิรัตน์กล่าวต่อว่า ตาม พ.ร.บ.การรักษาพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขในการควบคุมสถานพยาบาลนั้น ก็มีเรื่องแพคเกจของราคาแนะนำอยู่แล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่ได้รับรู้กันในวงกว้าง หรือรับรู้แต่ไม่ได้เข้าไปตรวจสอบ ส่วนค่ายานั้นขึ้นเป็นตัวสินค้าควบคุมมานานพอสมควรแล้ว เช่น ไม่ให้ขายยาเกินกว่าราคาข้างกล่อง แต่เมื่ออยู่ในโรงพยาบาลก็อาจต้องมาดูในรายละเอียดกันต่อไป แต่สิ่งเหล่านี้ต้องให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย เนื่องจากต้นทุนการประกอบการไม่เหมือนกัน จึงต้องให้คณะอนุกรรมการชุดดังกล่าวดูในรายละเอียดต่อไป ซึ่งเมื่อแต่งตั้งแล้วสามารถประชุมได้ทันที เพื่อให้ได้ข้อยุติที่เหมาะสม ทั้งนี้ ครม.ขอให้สบายใจว่ารัฐไม่ได้เข้าไปแทรกแซงแต่ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่า ให้กระทรวงพาณิชย์และคณะอนุกรรมการฯให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ทั้งแก่ประชาชนและผู้ประกอบการ เพื่อให้เกิดความบาลานซ์ขึ้นทั้งสองด้าน นำไปสู่ความเป็นฮับของประเทศไทยในอนาคต
มติชนออนไลน์