“ตู่ จตุพร” นำทีมพรรคเพื่อชาติ ปราศรัยมหาสารคาม ไม่ตั้งเป้าที่นั่งส.ส.

“จตุพร” ปราศรัยมหาสารคาม ไม่ตั้งเป้าที่นั่งส.ส. ชูสโลแกน หน้าที่การเพาะปลูกเป็นหน้าที่ของเกษตรกร หน้าที่ของการขายได้กำไรเป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อชาติ

เมื่อวันที่ 21 มกราคม ที่บริเวณพื้นที่ส่วนบุคคล ถนนสายมหาสารคาม-กาฬสินธุ์ ติดปั๊มน้ำมัน ปตท. ต.ท่าขอนยาง อ.กันทรวิชัย จ.มหาสารคาม นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคเพื่อชาติ พร้อมด้วยนายยงยุทธ ติยะไพรัช นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อชาติ พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.มหาสารคาม ทั้ง 5 เขต ประกอบด้วย เขต1 นายพัฒนรัธพงษ์ ไลออน เขต2 นายรณรงค์ ชาลีคงอ เขต 3 นายวีระพงษ์ เอกวงศ์ เขต4 นายสหะ กันพล และ เขต5 นายขุนเดช วรกานต์ประภาพรพันธุ์ โดยมีประชาชนมารอต้อนรับกว่า 500 คน ท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว โดยก่อนหน้านี้เมื่อช่วงเช้าได้เดินทางไปพบปะพี่น้องประชาชนในพื้นทีอำเภอกุดรังมาแล้ว

นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำพรรคเพื่อชาติ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ปัญหาของพี่น้องประชาชนในจังหวัดมหาสารคาม ก็จะคล้าย ๆ กับหลายจังหวัดในภาคอีสาน ปัญหาพืชผลทางการเกษตรโดยเฉพาะเรื่องข้าวและพืชไร่เราต้องยอมรับความจริงว่า นับตั้งแต่การยึดอำนาจราคาข้าวได้หายไป 2 ใน 3 เพราะฉะนั้น ถ้าในกระเป๋าเคยมีเงินอยู่ 3 บาทก็จะเหลือแค่บาทเดียว เป็นความเดือดร้อนอันยาวนาน คณะรัฐประหารไม่เคยทำให้ราคาข้าวได้สูงขึ้นอีกเลยนอกจากการกล่าวหาอดีตรัฐบาล แทนที่ควรเน้นว่าจะทำให้ชาวนาให้ข้าวไม่ขาดทุนอย่างไร พืชผลทางการเกษตรก็ประสบปัญหาเดียวกัน ฉะนั้นภารกิจแรกที่พี่น้องประชาชนจังหวัดมหาสารคามและประชาชนภาคอีสานคือ เรื่องการเพิ่มราคาพืชผลทางการเกษตรให้ได้ราคา เพื่อที่จะได้มีกำลังจับจ่ายใช้สอยและเป็นความเจริญเติบโตแก่ประเทศด้วย เพราะฉะนั้นภาระหน้าที่เร่งด่วนของประเทศชาติคือการแก้ไขปัญหาความยากจนต้องทำให้คนไทยหายจน ภารกิจที่ 2 คือเรื่องการนำพาให้บ้านเมืองเดินสู่ประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด

นายจตุพร กล่าวอีกว่า  ส่วนกรณีที่หน่วยงานราชการไม่อนุญาตให้มีการใช้สถานที่ มองว่าต้องทำใจ ยังไงก็หนีแดดไม่พ้น ทั้งที่จริงถ้าหน่วยงานรัฐเปิดประตูให้มีสถานที่มีหลังคาประชาชนนั่งฟังการปราศรัยได้สะดวกก็เกิดประโยชน์ต่อทุกพรรค จะเป็นประโยชน์มากกว่า เดี๋ยวนี้ลานวัดก็ห้าม สถานที่ราชการก็ห้าม แทบจะหาที่ปราศรัยลำบาก จึงอยากให้คณะกรรมการการเลือกตั้งได้ส่งสัญญาณไปยัง คสช. ว่า ควรที่จะต้องเปิดพื้นที่เพื่อให้พรรคการเมืองแต่ละพรรคไม่ใช่เฉพาะพรรคใดพรรคหนึ่ง ใช้สถานที่สาธารณะ ควรได้รับการอนุญาตให้หาเสียงได้รวม

นายจตุพร  กล่าวต่อว่า ขณะนี้ในเรื่องของความคาดหวังจำนวนเก้าอี้ในสภานั้น จากที่พรรคอื่น ๆ มีการตั้งเป้าว่าจะได้ 150 ที่นั่งบ้าง 50 ที่นั่งบ้าง หรือ 140 ที่นั่ง อะไรก็แล้วแต่ แต่พรรคเพื่อชาติไม่ขอกำหนด เพราะถ้ารวมเสียงแต่ละคนที่ประกาศมันเกิน 500 ไปแล้วเราไม่ต้องการอยู่วังวนอันนั้น ต้องการว่าทุกอย่างมันเป็นมันเป็นวิทยาศาสตร์และก็เป็นความจริง ตนเชื่อว่าแนวทางการแก้ไขปัญหาความยากจนที่บอกว่า หน้าที่การเพาะปลูกเป็นหน้าที่ของเกษตรกร หน้าที่ของการขายได้กำไรเป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อชาติ เพราะฉะนั้นถ้าประชาชนเห็นด้วยกับแนวทางการแก้ไขปัญหาความยากจนประเทศเดินมายังจุดประชาธิปไตยโดยฝ่ายสามารถอยู่ร่วมกันได้ภายใต้หลักการประชาธิปไตย ถ้าประชาชนก็เห็นชอบด้วยเสียงก็จะตามมา ส่วนจะได้เสียงเท่าไหร่นั้นก็ขึ้นอยู่กับประชาชนนั่นเอง

มติชนออนไลน์