“หมวดเจี๊ยบ” ชี้ เหตุยิงพระในสุไหงปาดี กองทัพต้องกลับมาทำหน้าที่ตัวเอง เลิกเล่นการเมืองได้แล้ว

วันที่ 20 มกราคม 2562 ร.ท.หญิง สุณิสา ทิวากรดำรง รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นกับพระสงฆ์ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ชี้ให้เห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่กองทัพต้องเลิกแทรกแซงการเมืองซึ่งไม่ใช่งานในหน้าที่แต่ควรกลับไปทุ่มเททำงานของตัวเอง คือ งานด้านความมั่นคงและปกป้องอธิปไตยตามแนวชายแดนซึ่งเป็นภารกิจหลักของกองทัพตามที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เอาเวลามาเล่นการเมืองเพื่อช่วยใครสืบทอดอำนาจ

“ที่ผ่านมา งานด้านการข่าวในภาคใต้ถือว่าไม่ได้ผล และจะเดินช้ากว่าคนร้าย 1 ก้าว อยู่เสมอ จึงไม่สามารถป้องกันหรือยับยั้งความสูญเสียได้ล่วงหน้า ซึ่งแตกต่างจากเรื่องการเมือง ซึ่งกองทัพจะทำงานเชิงรุกและรู้ดีไปซะทุกเรื่อง ไม่ว่านักการเมืองหรือประชาชนที่คิดต่าง จะไปทำอะไรที่ไหน กองทัพจะรู้ล่วงหน้าทุกครั้งและสามารถส่งกำลังทหารจำนวนมากไปคอยประกบเพื่อคุกคามหรือสกัดกั้นไม่ให้เคลื่อนไหวได้แบบตาต่อตาฟันต่อฟันผิดกับความไม่สงบในภาคใต้ ซึ่งตนเชื่อว่า กองทัพคงตอบไม่ได้ด้วยว่าใครคือโจรใต้กันแน่” รองโฆษกพรรคเพื่อไทย

ร.ท.สุณิสา กล่าวอีกว่า แม้จะส่งกำลังทหารนับแสนนายลงไปแก้ปัญหาไฟใต้มาแล้ว 15 ปี ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ปล้นปืนในค่ายทหารเมื่อปี 2547 ก็ตาม ซึ่งสะท้อนว่าการข่าวในภาคใต้ล้มเหลวเพราะไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นใครย่อมทำงานไม่ได้ผล การที่ตนพูดเช่นนี้ ก็ไม่ได้ต้องการให้เจ้าหน้าที่ทหารตำรวจหรือบุคลากรด้านอื่น ๆ ในพื้นที่เสียกำลังใจเพราะทราบดีว่าทุกท่านเสียสละทำงานในพื้นที่เสี่ยงอันตราย แต่อยากบอกผู้ใหญ่ในกองทัพว่าอย่าเดินหลงทาง ควรให้ความสำคัญกับการดับไฟใต้ซึ่งเป็นงานในหน้าที่ จะได้ลดความสูญเสียของกำลังพลและประชาชน ไม่ใช่มัวแต่ตั้งวอร์รูมสุมหัวคิดเรื่องปฏิวัติรัฐประหารหรือคิดว่าจะหนุนใครเป็นนายกฯ และหวังว่าที่ผู้บัญชาการเหล่าทัพระบุว่าไม่คิดจะปฏิวัติรัฐประหารนั้นก็ขอให้เป็นเรื่องจริงและอย่ากลืนน้ำลายตัวเอง เพราะปฏิวัติแต่ละครั้ง บ้านเมืองก็มีแต่เสียหายย่อยยับ และจะเป็นกาสร้างภาระให้คนรุ่นหลังต้องคอยตามแก้ปัญหาในอนาคต.