ว่าที่ ส.ส.”เพื่อชาติ” ยัน “1 ตำบล 1 นศ.แพทย์” แก้ได้จริง เพิ่มโอกาสการศึกษา-เข้าถึงสาธารณสุข

วันที่ 19 มกราคม 2562 พ.ต.ท. น.พ.ปิยพงษ์ สาครเย็น อดีตนายแพทย์นิติเวชโรงพยาบาลตำรวจที่เคยได้รับประกาศเกียรติคุณเชิดชูเกียรติข้าราชการตำรวจดีเด่น ประจำปี 2556 โดยมีผลงานวิชาการ “นิติเวชคลินิก กับการสอบสวน ที่เกี่ยวข้องกับการทำร้ายร่างกาย“ล่าสุด 2561 หรือ “หมอพาย” นักเขียนที่เคยถูกนำผลงานเรื่อง “คนไข้ป่วน กับ ก๊วนหมอเจ็บ” ไปสร้างภาพยนตร์ชื่อ “หมอเจ็บ” ว่าที่ผู้สมัครสส. เขตบางเขน พรรคเพื่อชาติได้เผยถึงเหตุที่มาสมัครรับเลือกตั้งอาสาเป็นผู้แทนประชาชนเขตบางเขนว่า เนื่องจากสถานการณ์ของประเทศไทยตอนนี้เป็นยุคที่จริยธรรมและความยุติธรรมถึงจุดต่ำสุดแล้ว อยู่ในยุคที่เสื่อมที่สุดในประวัติศาสตร์ ถือว่าเป็นยุคมืดของประเทศ ก็ว่าได้ คนดีมีความสามารถต้องช่วยกันออกมาปกป้องประเทศไทย อย่าปล่อยให้อำนาจมืดปกครองประเทศต่อไป หากเรายังนิ่งเฉยประเทศอาจล่มจมได้ และสูญเสียโอกาสของประเทศ เพราะการนิ่งเฉยของตัวเราเองที่เป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย

นพ.ปิยพงษ์กล่าวต่อว่าเหตุผลสำคัญที่ตนเลือกพรรคเพื่อชาติ อย่างแรกเลยคือเรื่องของ อุดมการณ์ครับ เราเชื่อมั่นในระบอบประชาธิปไตย ต่อต้านอำนาจเผด็จการ ซึ่งหลักการในการดำเนินนโยบายของพรรคนี้ คือพี่น้องประชาชน คนไทยทุกคน ต้องช่วยกันฟื้นฟูประชาธิปไตย ให้กลับคืนมา โดยปราศจากความรุนแรง ไม่มีการแบ่งแยก สีเหลือง หรือสีแดงอย่างในอดีต แต่เป็นสีที่นำพา ประเทศไทยของเรา กลับสู่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ทำเพื่อชาติไทยของเรา ให้สมชื่อ พรรคเพื่อชาติครับ

กรณีที่ทำไมถึงสนใจปัญหาสังคมและการเมือง ในสมัยตอนเป็นเด็กตนอยากเป็นนักบิน เหมือนคุณพ่อ แต่พอโตมา ถึงระดับ มัธยมศึกษาตอนปลาย สถานการณ์ของโลก ณ. ขณะนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นไอของสงคราม โดยเฉพาะคำทำนายของนอสตราดามุสเกี่ยวกับเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 3 พี่ชายของผมที่เรียนหมออยู่แล้ว ที่คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล ได้ชักชวนผมให้เรียนหมอเนื่องจากให้แง่คิดที่ว่าถ้าเกิดสงครามโลกจริงจะมีอาชีพเหลืออยู่แค่ 2 อย่างเท่านั้น 1 คือเป็นทหาร 2 คือเป็นหมอ ตนจึงเลือกเป็นหมอตามพี่ชาย พอได้เข้ามาเรียนหมอ ได้มีโอกาสเข้าถึงประชาชนตามต่างจังหวัด และชุมชนในแต่ละหมู่บ้าน ที่ห่างไกล จึงได้เห็นความเหลื่อมล้ำ ทางสังคมหลายอย่าง ทั้งด้านโอกาสทางการศึกษา หรือทางด้านเศรษฐกิจ ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นสังคมเกษตรกรรม เด็กและเยาวชนหลายคนมีฝันอยากเป็นหมอ พยาบาล หรือบุคลากรทางสาธารณสุข แต่ขาดโอกาส เหตุผลหลักอย่างหนึ่งคือเรื่องของค่าใช้จ่ายในการศึกษา เป็นเรื่องหนึ่งของประเทศที่สมควรแก้ไข เพราะความฝันหรือจินตนาการของเด็กและเยาวชนไม่ควรถูกจำกัด โอกาส เพียงแค่ขาดการสนับสนุนจากภาครัฐ ทั้งๆที่ ผู้มีอำนาจ ยังสามารถเอาเงินไปซื้อ เรือดำน้ำ เครื่องบินรบ อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆได้ ทั้งที่เรายังไม่รู้ จะเอาไปสู้รบกับใคร

“นโยบาย 1 ตำบล 1 นักศึกษาแพทย์ เป็นนโยบายพรรคเพื่อชาติที่เขียนสั้นๆ แต่รายละเอียดเต็มไปด้วยความจริงใจในการแก้ปัญหา ทั้งด้านโอกาสทางการศึกษา และโอกาสในการเข้าถึงระบบสาธารณสุขทางการแพทย์ที่แท้จริง จากที่ตนกล่าว ในตอนแรก เราต้องให้ความสำคัญ กับความฝัน และจินตนาการของเด็กและเยาวชน ดังคำกล่าวของไอสไตน์ ที่ว่า “จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ “ จึงไปสอดคล้องกับคำถามที่ว่าโตขึ้น หนูอยากเป็นอะไร ผู้ใหญ่อย่างเราจึงมีหน้าที่ทำให้เขา ได้เห็นโอกาส ว่าสามารถเป็นจริงได้ หากคุณมีความสามารถพอ ภาครัฐจะเป็นส่วนสนับสนุน ให้ความฝันนั้นเป็นได้จริง เพราะประโยค 1 ตำบล 1 นักศึกษาแพทย์ ไม่ได้มีความหมายว่า ต้องบังคับให้ทุกตำบล ส่งเด็กและเยาวชนมาเรียนแพทย์ ความหมายทางการศึกษาที่แท้จริงคือส่งเสริมให้เด็กและเยาวชน ที่มีความสามารถ และอยากโตขึ้นเป็นแพทย์ ได้สร้างฝันที่มีดังกล่าวให้เป็นจริง โดยปราศจากข้อจำกัดทางด้านการเงินนั่นเอง สิ่งที่ได้ตามมาคือ ระบบสาธารณสุข เพราะเด็กที่จบเป็นแพทย์สามารถกลับไปทำงานให้กับตำบลที่ตนเองเติบโตมา มีงานทำตั้งแต่เรียนจบและยังได้พัฒนาชุมชนที่ตนเองเกิด เมื่อมีแพทย์ประจำชุมชนระบบการสาธารณสุข โดยเฉพาะเรื่องของผู้ป่วยก็ไม่จำเป็นต้องเดินทางเข้าสู่เมืองอีกต่อไป ยังมีอีกหลายเรื่องดีๆที่จะเกิดขึ้นกับระบบการศึกษาและการสาธารณสุข หากนโยบายนี้สามารถ นำมาใช้ได้จริง ฉะนั้นตนจึงขอให้พี่น้องประชาชน ช่วยกันเลือกพรรคเพื่อชาติ เพราะเราจะทำเพื่อชาติจริงๆ” พ.ต.ท.น.พ.ปิยพงษ์ กล่าวทิ้งท้าย