การเมืองร้อนรอบสัปดาห์ : ทบ.ซื้อรถจังจีนเพิ่ม14คัน / “ดอน” เผยไทยไม่ได้ขอเขมรเลิกพาสปอร์ต “ปู” / “เจ๊แดง” ส่งทนายยื่นฟ้องคนหมิ่นเอี่ยวจำนำข้าว

บิ๊กแดงรับส่งคน “รปภ.” ทุกพรรค บอกอย่าดูแคลน-ให้เกียรติ

พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 16 มกราคม ถึงการดูแลความเรียบร้อยในช่วงหาเสียงเลือกตั้งว่า ติดตามการหาเสียงของทุกพรรคอยู่แล้ว ไม่ได้เว้นพรรคใด ยืนยันทหาร ตำรวจ ไม่มีเจตนาไปจับผิดฝ่ายการเมือง ขอให้สบายใจว่าทหารและตำรวจเข้าไปดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวก ได้เน้นย้ำว่าเจ้าหน้าที่ต้องให้เกียรติผู้ดำเนินการกิจกรรมการเมือง ฝ่ายการเมืองก็กรุณาให้เกียรติเจ้าหน้าที่ด้วย ไม่ใช่ไปดูหมิ่นดูแคลน ซักไซ้เจ้าหน้าที่ที่มาติดตาม และเจ้าหน้าที่ไม่จำเป็นต้องไปแนะนำตัวกับฝ่ายการเมือง ส่วนกลุ่มคนอยากเลือกตั้งยกระดับการชุมนุมในวันที่ 19 มกราคมนั้น พล.อ.อภิรัชต์กล่าวว่า ไม่ห่วง ถือเป็นสิทธิเสรีภาพ แต่ควรอยู่ในกรอบ ตนเป็นห่วงผู้ประกอบการในพื้นที่รอบข้าง ภาพการท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวต่างชาติ ขอให้เห็นใจประชาชนที่สุจริตและประกอบอาชีพแถวนั้น ขณะที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายความมั่นคงต้องส่งเจ้าหน้าที่ลงไปเพื่อไม่ให้เกิดเหตุ และต้องให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ขอให้อดทนจากการยั่วยุทุกประเภทที่จะเกิดขึ้น

“ดอน” เผยกัมพูชายกเลิกพาสปอร์ต “ปู” ไทยไม่ได้ขอ แต่แคร์ความรู้สึกกัน

เมื่อวันที่ 15 มกราคม นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์กรณีรัฐบาลกัมพูชายกเลิกหนังสือเดินทางให้ชาวต่างชาติบางคนที่ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาและผู้ช่วยของเจ้าหน้าที่ระดับสูง ว่า ทางกัมพูชาได้ออกมาแถลง และตนได้ทราบข่าวที่มาจากกรุงพนมเปญแล้ว และการที่กัมพูชายกเลิกหนังสือเดินทางดังกล่าวไม่ใช่เพราะไทยจี้ขอให้ยกเลิกไป แต่มีการพูดคุยเรื่องนี้กันมานาน ตั้งแต่ก่อนหน้านี้ 6-7 เดือน ขณะที่กัมพูชาเองก็รู้ถึงเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เหตุผลที่ยกเลิกคงเป็นเพราะเรื่องการถือพาสปอร์ตกัมพูชาของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี แพร่ออกไปอย่างกว้างขวางเกินกว่าที่ควรจะเป็น กัมพูชาจึงยกเลิก ถือเป็นการแสดงท่าทีที่ชัดเจนอย่างเป็นทางการ และเป็นการแสดงให้เห็นว่าทั้งสองประเทศแคร์ความรู้สึกซึ่งกันและกัน โดยกัมพูชาถือเป็นเพื่อนของไทย จะต้องทำงานร่วมกันในหลายเรื่อง อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเจ้าของหนังสือเดินทางกับกัมพูชา แต่ยืนยันว่าไม่ได้มาจากการขอร้องของไทยในช่วงนี้ ส่วนกรณี น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปปรากฏตัวที่สาธารณรัฐประชาชนจีนนั้น ทางการจีนก็รับรู้เรื่องนี้ และมีมาตรการของจีน โดยรับรู้ว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์มีคดีความและไทยกำลังติดตามตัวอยู่ อนึ่ง มีข่าวแพร่สะพัด น.ส.ยิ่งลักษณ์ใช้พาสปอร์ตการทูตที่กัมพูชาออกให้ไปลงทุนท่าเรือที่ประเทศจีน

ทบ.ปลื้มรถถังจีน ทุ่มงบ 2.3 พันล้าน-ซื้อเพิ่ม 14 คัน

รายงานข่าวจากกองทัพบกแจ้งว่า กองทัพบกจะจัดซื้อ Main Battle Tank รถถัง VT-4 เพิ่มอีก 14 คัน จากบริษัท Norinco ของจีน งบฯ ราว 2.3 พันล้านบาท โดยครั้งนี้ จะซื้อกระสุนปืนใหญ่ 125 ม.ม. ทั้งกระสุนปืนใหญ่เจาะเกราะทิ้งเปลือก 190 นัด และกระสุนปืนใหญ่ต่อสู้รถถัง 60 นัด และกระสุนปืนใหญ่ระเบิดส่องวิถีอีก 150 นัด รวมทั้งกระสุนปืนกล 12.7 ม.ม.ชนิดเจาะเกราะเพลิง API สำหรับปืน ปตอ.รถถังกว่า 5,800 นัด ทั้งนี้ ทบ.จัดหารถถัง VT-4 เพื่อทดแทนรถถังอเมริกัน M-41 Walker Bulldog ที่ใช้มานานกว่า 40-50 ปี หลังจากที่การจัดซื้อ Main Battle Tank รถถังหลักแบบ T-84 Oplot จากยูเครน 49 คัน แต่เพราะการสู้รบภายในประเทศยูเครน ทำให้ส่งล่าช้า ทบ.จึงตั้งคณะกรรมการคัดเลือกรถถังหลักแบบใหม่ และคัดเลือกรถถัง VT-4 ในที่สุด ท่ามกลางการถูกจับตามองว่ารัฐบาล คสช.ให้ความสำคัญกับจีนมากขึ้น เพราะได้จัดซื้อเรือดำน้ำจีน S-26T แล้ว 1 ลำ และซื้อรถเกราะ VN1 อีกด้วย ทั้งนี้ เป็นผลการทดสอบและการใช้งานของหน่วยเป็นที่น่าพอใจ จึงมีการจัดซื้อเพิ่มเติม

“เจ๊แดง เยาวภา” ส่งทนายยื่นฟ้อง “เสริมสุข กษิติประดิษฐ์” หมิ่น “จำนำข้าว”

วันที่ 15 มกราคม นายธนากร แหวกวารี ในฐานะทนายผู้ความรับมอบอำนาจจากนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา ได้รับมอบอำนาจจากนางเยาวภา ยื่นฟ้องนายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ ในฐานะเจ้าของผู้ใช้เฟซบุ๊ก (Facebook) ชื่อว่า “Sermsuk kasitipradit” หรือนายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ ผู้สื่อข่าวสังกัดสำนักข่าวแห่งหนึ่ง เป็นจำเลยต่อศาลอาญา เป็นคดีหมายเลขดำที่ 97/2562 ในข้อหาความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณาหลายกรรมต่างกัน ซึ่งศาลได้นัดไต่สวนในวันที่ 4 มีนาคม 2562 เวลา 13.30 น.

นายธนากรเผยว่า เป็นการฟ้องกรณีที่นายเสริมสุขได้พิมพ์หรือโพสต์เผยแพร่ข้อความในเฟซบุ๊กของนายเสริมสุขต่อบุคคลที่สามหลายครั้งนับตั้งแต่วันที่ 20 ถึง 29 ธันวาคม 2561 กล่าวหา ใส่ร้าย ยืนยันข้อเท็จจริงโดยสรุปว่า นางเยาวภาได้ร่วมกับผู้กระทำความผิดในคดีจำนำข้าว และขณะนี้มีชื่อเป็นผู้ถูกกล่าวหาในคดีจีทูจี ล็อตสอง อยู่ระหว่างคณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณา กำลังจะส่งฟ้องศาล และจะอายัดทรัพย์สิน จึงได้ประกาศขายบ้านและหนีไปต่างประเทศ ซึ่งไม่เป็นความจริง ทำให้นางเยาวภาได้รับความเสียหาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น เกลียดชัง จึงได้มอบหมายให้ตนยื่นฟ้องนายเสริมสุขต่อศาล

นอกจากฟ้องนายเสริมสุขแล้ว นางเยาวภายังได้ให้ตรวจสอบสื่อออนไลน์ต่างๆ ด้วยว่ามีใครกล่าวหา ใส่ร้ายอีกหรือไม่ หากพบก็ให้ดำเนินการฟ้องร้องทันที