11 ปีคดีไม่คืบ! ‘พ่อสาวญี่ปุ่น’ ทวงถามคดีฆ่าลูกหมกอุทยาน ‘ประจิน’ สั่งเพิ่มเงินนำจับ 2 ล้าน

เมื่อวันที่ 17 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล นายชิโร ซะโดะชิมะ เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย นำนายยาสุอากิ คาวาชิตะ และนางเอโกะ คาวะชิตะ บิดาของ น.ส.โทโมโกะ คาวาชิตะ สาวชาวญี่ปุ่น ที่ถูกฆาตกรรมจนเสียชีวิต ที่เขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2550 เข้าพบพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้แทนรัฐบาล เพื่อทวงถามถึงความคืบหน้าการติดตามผู้กระทำความผิด หลังคดีไม่มีความคืบหน้า

ซึ่งภายหลังการหารือ พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้ตนมาต้อนรับและพูดคุยเพื่อแสดงความมั่นใจว่ารัฐบาลไทยจะไม่ทิ้งและติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด ทางการไทยรับปากที่จะดำเนินการเพิ่มช่องทางการประชาสัมพันธ์ให้มีการแจ้งเบาะแสตามที่บิดาของผู้เสียต้องการเพิ่มขึ้น ซึ่งทางครอบครัวผู้เสียชีวิตมีความกังวล เนื่องจากเรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว แต่การยังไม่สามารถหาตัวผู้กระทำความผิดได้ คณะทำงานจึงขอให้มีการเพิ่มรางวัลนำจับจาก 1.6 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินจากตำรวจท้องที่ 1 แสนบาท สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 5 แสนบาท กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) 1 ล้านบาท และทางดีเอสไอจะหารือกันจะเพิ่มวงเงินอีก 4 แสนบาท รวมทั้งหมดเป็นเงิน 2 ล้านบาท เพื่อให้มีจากแจ้งเบาะแส มากขึ้น

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี

พล.อ.ประจิน กล่าวอีกว่า ยืนยันว่าเรามีมาตรการในการดูแลนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้เกิดความสะดวกสบายและความปลอดภัย เพราะนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญและรัฐบาลจะดูแลให้ดีที่สุด พร้อมกับนำเข้าห่วงใยมาปรับปรุงแก้ไข และจากบทเรียนที่ผ่านมาไทยมีมาตรการอย่างเป็นระบบ ส่วนเรื่องความคืบหน้าของคดีจะแจ้งผ่านทางเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทยต่อไป โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจะเป็นผู้ประสานงานหลักในการแจ้งข้อมูล ขณะที่ดีเอสไอจะเป็นผู้ประสานด้านเทคนิค

ผู้สื่อข่าวถามว่าคดีดังกล่าวเกิดขึ้นมานานแล้ว การติดตามตัวคนร้าย จะมีความยากง่ายอย่างไร พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราตรวจสอบดีเอ็นเอที่พบจากขอบกางเกงของผู้ที่เสียชีวิตและได้ตรวจดีเอ็นเอผู้เกี่ยวข้องไปประมาณ 300 ราย แต่ยังไม่พบและหวังว่ามาตรการเพิ่มรางวัลจากการแจ้งเบาะแสจะมีคนให้เพิ่มเติม

ด้านนายยาสุอากิ กล่าวว่าว่า ตนมีความกังวลเรื่องอายุความของคดีที่มี 20 ปี แต่ขณะนี้ผ่านไป 11 ปีแล้ว ยังไม่มีความคืบหน้า ซึ่งจะเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย หากหมดอายุความและผู้กระทำความผิดยังสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ จึงอยากขอให้นายกรัฐมนตรี พิจารณาในเรื่องนี้ เพราะทางญี่ปุ่นก็ได้ยกเลิกคดีความนี้ไปหลายปีแล้ว พร้อมกับฝากสื่อให้ช่วยประชาสัมพันธ์เพื่อให้ทราบว่ามีการเพิ่มเงินรางวัลในการแจ้งเบาะแสแล้ว

นายชิโร ซะโดะชิมะ

มติชนออนไลน์