วันที่ 16 มกราคม 2562 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว. พลังงาน ประธานคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช) กล่าวว่า ตามที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติว่า 4 รมต. ถือหุ้นบริษัทที่เป็นสัมปทานของรัฐ และยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งในอดีตก็มีบรรทัดฐานอยู่แล้วที่ รมต. และ สส. ต้องลาออก เพราะถือหุ้นบริษัทที่เป็นสัมปทานของรัฐ แต่นี่กลับไม่ยอมลาออก อีกทั้ง รมต. บางคน ที่ถือหุ้นสัมปทานรัฐนี้น่าจะต้องลาออกตั้งแต่สมัครเข้าพรรคการเมืองแล้ว

การปฏิบัติเช่นนี้สร้างบรรทัดฐานที่เสื่อมให้กับประเทศ หากเป็นเช่นนี้แล้ว ประเทศไทยจะเป็นไทยแลนด์ 4.0 ในรูปแบบใด หาก รมต ผู้ที่ขายไอเดีย ไทยแลนด์ 4.0 ยังมีพฤติกรรมเช่นนี้ โดยพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช) เห็นว่า การพัฒนาเป็นไทยแลนด์ 4.0 นอกจากจะต้องพัฒนาเทคโนโลยีเหมือนที่พรรค ทษช. เน้นและเห็นความสำคัญแล้ว ประเทศไทยจะต้องมีมาตรฐานสากลในการบังคับใช้กฏหมายด้วย มิเช่นนั้นความน่าเชื่อถือของประเทศจะไม่มีเหลือ ประเทศที่พัฒนาแล้วจะต้องมีการพัฒนาทางเทคโนโลยีรวมถึงการบังคับใช้กฏหมายให้เป็นสากลควบคู่กันไปด้วย

ทั้งนี้รัฐบาลต้องมีหลักคิดให้ดี เพราะหลายเรื่องมีความสับสนมาก เช่น การที่อียูปลดใบเหลืองไอยูยูการประมงของไทยกลับทำให้ชาวประมงเดือดร้อนกันอย่างมากจนหมดอาชีพกันเป็นจำนวนมาก ทั้งๆที่รัฐบาลควรจะต้องต่อรองโดยคำนึงถึงประโยชน์ของพี่น้องชาวประมงเป็นหลัก ไม่ใช่เอาเฉพาะที่รัฐบาลได้หน้าอย่างเดียวแต่ไม่แก้ไขปัญหาความเดือดร้อนแสนสาหัสของพี่น้องชาวประมงกันเลย ทั้งที่หลายประเทศได้ต่อรองระยะเวลาในการปรับตัวซึ่งก็สามารถต่อรองสำเร็จและยกเลิกใบเหลืองเหมือนกัน อีกทั้ง รัฐบาลเองต้องมีมาตรการแก้ไขฝุ่นละอองอย่างจริงจังและเข้มงวด ทั้งระยะสั้นและระยะยาวเพื่อป้องกันไม่ให้สุขภาพประชาชนต้องย่ำแย่ลงไปกว่านี้ เป็นที่น่าสังเกตุว่ารัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้เลย แม้แต่เรื่องเล็กๆเช่น เรื่องฝุ่น จนถึงเรื่องใหญ่ๆ เช่นเรื่องเศรษฐกิจที่ประชาชนเดือดร้อนกันอย่างมาก แม้กระทั่งวันเลือกตั้งก็ยังกำหนดกันไม่ได้ เหมือนกับว่ารัฐบาลชุดนี้หมดสภาพที่จะบริหารประเทศนี้ต่อไปแล้ว