นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน (คน.) กล่าวภายหลังการสัมมนา “จับตาเทรนด์ความต้องการข้าวในตลาดโลก” จัดโดยกระทรวงพาณิชย์ ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ว่า กรมให้ความสำคัญกับการผลิตข้าวให้ได้คุณภาพ เนื่องจากไทยเป็นทั้งผู้ผลิตและผู้ส่งออกข้าวสำคัญของโลก จึงต้องเข้าใจพฤติกรรม รสนิยม ของกลุ่มผู้บริโภคในตลาดข้าวโลก โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคในตลาดใหม่ๆที่มีกำลังซื้อสูง อาทิ ชาวมุสลิมในกลุ่มประเทศตะวันออกกลางและอาเซียน รวมไปถึงกลุ่มผู้บริโภคข้าวพื้นนิ่มที่กำลังได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวจีน กรมฯร่วมกับศูนย์การศึกษาระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ทำการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคข้าว เพื่อเป็นแนวทางพัฒนาตลาดข้าวไทยเพื่อการส่งออกในตลาดต่างประเทศให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน โดยการส่งออกข้าวไทยจะไม่เน้นปริมาณแต่เน้นคุณภาพข้าวมากขึ้น จะช่วยสร้างมูลค่าให้กับข้าวไทยในตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น

“ ปัจจุบันความนิยมบริโภคข้าวพื้นนิ่มขยายไปกลุ่มชาวมุสลิม กระจายในประเทศต่างๆ อาทิ อินโดนีเซีย มาเลเซีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์  และในอนาคตความต้องการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง กรมฯจึงได้พยายามศึกษารูปแบบการทำตลาดข้าวของต่างประเทศ บริหารจัดการข้าวตั้งแต่ต้นทางไปยังปลายทาง การสร้างแบรนด์และหีบห่อที่ทันสมัย”

นายวิชัย กล่าวว่า ปัจจุบันตลาดข้าวไทยคือ ตะวันออกกลาง จีน แอฟริกา โดยเฉพาะตลาดจีนนำเข้าจากไทยกว่าล้านตัน ซึ่งตลาดจีนมีทั้งตลาดบนและตลาดล่าง โดยตลาดบนนิยมบริโภคข้าวหอมมะลิไทย แต่ที่ผ่านมาเจอปัญหานำข้าวไทยแล้วปลอมปนกับข้าวประเทศอื่นแต่ตีตราเป็นข้าวแบรนด์ไทย ซึ่งรัฐบาลไทยหารือกับรัฐบาลจีนแก้ไขปัญหาโดยตลอด

นายวิชัย กล่าว ขณะที่ตลาดล่างของจีน นิยมบริโภคข้าวเก่ามากกว่า แต่เป็นตลาดแข่งขันสูงทั้งราคาถูกกว่าและจำนวนคู่แข่งมาก จากประเทศเวียดนาม และอินเดีย ทำให้ไทยต้องเร่งพัฒนาคุณภาพข้าวให้เหนือกว่าคู่แข่ง ในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ได้เข้มงวดกับผู้ส่งออกข้าวไทยในเรื่องของคุณภาพข้าวส่งออกมากขึ้น

นายวิชัย กล่าวว่า สำหรับภาวะราคาข้าวเปลือก วันที่ 14 มกราคม ข้าวขาว 5% ขายตันละ 7,000-9,000 บาท ข้าวหอมมะลิตันละ 12,000-18,000 บาท และข้าวเหนียวตันละ 10,000-12,000 บาท

มติชนออนไลน์