‘สุริยะ’ สวน ‘หญิงหน่อย’ ใครเป๋าตุงยุค ‘ยิ่งลักษณ์’ ให้ถาม ‘บุญทรง’ ยันยุค ‘นายกตู่’ ชาวนาเป๋าตุงจริง

เมื่อวันที่ 14 มกราคม ที่วัดห้วยพรม หมู่ที่ 8 ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมส นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานยุทธศาตร์การเลือกตั้งภาคอีสาน พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยนายอนุชา นาคาศัย ประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งภาคกลาง,นายวิรัช รัตนเศรษฐ ประธานยุทธศาตร์การเลือกตั้งอีสานใต้ ,นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ กรรมการบริหารพรรคฯ และนายภิรมย์ พลวิเศษ กรรมการยุทธศาตร์การเลือกตั้งและเลขานุการนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ได้เปิดปราศรัยหาเสียงช่วยว่าที่ผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐเขตเลือกตั้งที่ 11 จ.นครราชสีมา คือนายสมศักดิ์ พันธุ์เกษม โดยนายสุริยะฯได้ปราศรัยจะเพิ่มเงินสดในบัตรประชารัฐให้กับประชาชนจาก 300 บาท เป็น 500 บาท และเพิ่มให้เป็นคนละ 2 ใบ มีประชาชนร่วมฟังคำปราศรัยกว่า 2,000 คน

ต่อจากนั้นคณะของนายสุริยะ ได้เดินทางไปที่หอประชุมสมาคมชาวไร่อ้อย ลำมูลบน ตำบลจระเข้หิน อำเภอครบุรี เพื่อปราศรัยหาเสียงช่วยนายสุพร อัตถาวงศ์ หรือแรมโบ้อีสาน ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา เขตเลือกตั้งที่ 10 พรรคพลังประชารัฐ โดยมีประชาชนมาร่วมฟังคำปราศรัยกว่า 3,000 คน

นายสุริยะ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวถึงกรณีคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ที่กล่าวว่าอยู่พรรคเพื่อไทยกระเป๋าตุงอยู่กับลุงตู่กระเป๋าแฟบว่า เรื่องนี้ ขอถามคุณหญิงสุดารัตน์ว่าใครกันแน่ที่กระเป๋าตุงให้ไปถามนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์พรรคเพื่อไทยดู ส่วนการมาอยู่กับลุงตู่นั้น ที่ว่ากระเป๋าแฟบ ให้ดูที่ราคาพืชผลทางการเกษตร ตอนนี้ราคาข้าวพุ่งสูงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์และชาวนายังได้ค่าเกี่ยวข้าวไร่ละ 1500 บาท ไม่เกิน 12 ไร่ รวมแล้วรัฐให้ค่าเกี่ยวข้าวครัวเรือนละ 18000 บาท นอกจากนี้”ลุงตู่”ยังให้บัตรสวัสดิการประชารัฐแก่ชาวบ้านจนทำให้ประชาชนกระเป๋าตุง มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นแสดงให้เห็นชัดเจนว่า”ยุคลุงตู่”ชาวนากระเป๋าตุงจริงผิดกับสมัย”ยิ่งลักษณ์”ชาวนากระเป๋าแฟบแต่คนที่กระเป๋าตุงคือนายทุนและนักการเมืองผู้มีอำนาจบางคนซึ่งแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ส่วนการคาดหวังจำนวน ส.ส.ในพื้นที่ภาคอีสานนั้น ตนก็ยังยืนยันว่าจะได้ไม่ต่ำกว่า 60 ที่นั่ง และทั่วประเทศพรรคพลังประชารัฐจะกวาด ส.ส.ได้ไม่ต่ำกว่า 150 ที่นั่งแน่นอน

มติชนออนไลน์