‘เพื่อชาติ’ ผุดนโยบาย 1 ตำบล 1 น.ศ.แพทย์ ยกฐานะ รพ.ตำบลให้ได้มาตรฐาน

‘รองโฆษกเพื่อชาติ’ แย้มนโยบาย ปชช.ต้องกินดีอยู่ดี-เข้าถึงการรักษาง่าย 1 ตำบล 1 น.ศ.แพทย์ ยกฐานะ รพ.ตำบลให้ได้มาตรฐานเท่าเทียมกันทุกที่ พร้อมโฉนดใบเดียวเท่าเทียมทุกพื้นที่

เมื่อวันที่ 7 มกราคม นายรยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ (พ.พ.ช.) กล่าวถึงนโยบายพรรค พ.พ.ช. ว่านายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรค ให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำ ความยากจนของประชาชนมาเป็นอันดับหนึ่ง โดยมีเป้าหมายในการเข้ามาทำเพื่อชาติในครั้งนี้ เพราะต้องการให้คนจนหมดไป ทุกคนต้องกินดีอยู่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดี มีความสุข แม้บางคนชีวิตจะไม่มีโอกาสที่จะสร้างตัวเองให้รวยขึ้นมาได้ แต่นโยบายของพรรคเพื่อชาติ จะเน้นการให้โอกาส สร้างโอกาสให้ทุกคนสามารถมีชีวิตที่ดีขึ้นได้ รวมทั้งจากการลงพื้นที่รับฟังปัญหาจากประชาชนทั่วประเทศ ก็ได้นำเอาปัญหาเหล่านั้นมาปรับใช้ และออกเป็นนโยบายที่จะนำมาแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน

นายรยุศด์กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญที่สุดสิ่งหนึ่งของมนุษย์ คือ คุณภาพชีวิต สุขภาพกาย ใจที่ดี นโยบายด้านสาธารณสุขจึงเป็นสิ่งสำคัญ ที่ผ่านมารัฐบาลในอดีตก็ได้มีโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ที่เป็นที่ชื่นชมกันมาก สามารถช่วยเหลือประชาชนและส่งเสริมคุณภาพชีวิตได้เป็นอย่างดี นโยบายใดเป็นสิ่งที่ดีก็ควรคงไว้ แต่สิ่งที่เป็นปัญหาเราก็ควรแก้ไข ซึ่งปัญหาของโครงการดังกล่าวคือ การเข้าถึงสถานพยาบาล โดยเฉพาะสถานที่ห่างไกล ที่มักจะมีโรงพยาบาลประจำตำบลเล็กๆ ที่มักจะมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ไม่เพียงพอ ไม่ครบ หากต้องการรักษาบางโรคต้องส่งต่อเข้าโรงพยาบาลใหญ่ในเมือง ซึ่งก็มักจะมีปัญหาเรื่องของการเดินทางที่ไม่สะดวก ลำบาก ทางพรรคเพื่อชาติจึงได้เสนอนโยบาย ยกฐานะ โรงพยาบาลประจำตำบลให้เป็นโรงพยาบาลที่มีเครื่องมือแพทย์ ที่ได้มาตรฐาน มีห้องผ่าตัดเล็ก เครื่องเอกซเรย์ เครื่องไม้เครื่องมือ สถานะทัดเทียม ได้มาตรฐานเหมือนโรงพยาบาลในตัวเมือง ซึ่งประมาณการไว้ว่าจะใช้งบประมาณประมาณที่ละสามล้านบาท ทั้งประเทศมีเจ็ดพันกว่าแห่ง รวมแล้วใช้เงินสองหมื่นล้านเศษ น้อยกว่าซื้อเรือดำน้ำมาเกยตื้นเล่นด้วยซ้ำไป นอกจากนี้ เมื่อมีโรงพยาบาลที่ดีแล้ว แต่ในชนบทก็มักจะมีปัญหาอีกอย่างคือ ขาดบุคลากรทางการแพทย์ เราจึงได้คิดนโยบาย หนึ่งตำบล หนึ่งนักศึกษาแพทย์ โดยจะให้ทุนกับนักเรียนที่ขาดโอกาส ขาดทุนทรัพย์ในแต่ละตำบลทั่วประเทศ ได้เรียนแพทย์ โดยไม่จำเป็นว่าต้องเป็นเด็กเรียนเก่ง ขอเพียงมีใจ อยากเรียนและกลับมาทำงานใช้ทุนที่บ้านเกิด ไปเป็นหมอให้กับตำบลและท้องถิ่นของตน ด้วยเราทราบดีว่ามนุษย์และเด็กแต่ละคนมีพัฒนาการที่ไม่เท่ากัน ช้าเร็วต่างกัน อาจจะด้วยอาหาร การเลี้ยงดูที่ต่างกันของแต่ละบ้าน แต่ละพื้นที่ เด็กเรียนไม่เก่ง เด็กเรียนช้าไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ เราต้องให้โอกาสพวกเขา จะไม่มีการตัดสินใครด้วยคำว่าโง่ ว่าแพ้อีก นั่นก็จะเป็นการเลิกระบบแพ้คัดออก โง่คัดออก แนวคิดเหล่านี้ต้องหมดไปจากสังคมไทย เพื่อให้โอกาสและสร้างความเท่าเทียมให้กับคนจนทั่วทั้งประเทศ

นายรยุศด์กล่าวอีกว่า เรายังมีนโยบาย โฉนดใบเดียว ยกเลิกเอกสารสิทธิ ทุกประเภท อาทิ ส.ป.ก. น.ส.2 ให้เหลือเพียงโฉนดเท่านั้น อาจจะมีแบ่งแยกเป็น โฉนดเพื่อการเกษตร เพื่อการปศุสัตว์ เพื่อการประมง เป็นต้น รวมถึงจะใช้มาตรส่วนเดียวกันในโฉนดทุกประเภทด้วย ลดปัญหาความขัดแย้ง และเพิ่มความเท่าเทียมกัน ให้กับเจ้าของโฉนดทุกคน จะไม่มีใครต้องอายใครเวลาถือโฉนดไปกู้เงิน มีค่า มีศักดิ์ศรีเท่ากัน กับโฉนดทุกใบ ไม่เหมือนเอกสารสิทธิจำพวก ส.ป.ก. น.ส.2 ที่มีค่าน้อยกว่าโฉนด ซึ่งรายละเอียดของทั้ง 2 นโยบาย และนโยบายอื่นๆ ของพรรคนั้น จะมีการแถลงอย่างเป็นทางการให้พี่น้องประชาชนและสื่อมวลชนได้รับทราบต่อไป

 

มติชนออนไลน์