“เพื่อชาติ” สัญจรเมืองสองแคว “จตุพร” ชี้ไม่ขัดหากเลื่อนแต่ต้องตามกรอบ 150 วัน

วันที่ 6 มกราคม 2562 – ดร.รยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ ได้กล่าวถึงกิจกรรม พรรคเพื่อชาติสัญจร ภาคเหนือตอนล่าง วันที่สอง ซึ่งนำทีมโดย นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์ หัวหน้าพรรคพร้อมทั้ง นายจตุพร พรหมพันธุ์ และ นายยงยุทธ ติยะไพรัช กองเชียร์พรรคเพื่อชาติ ซึ่งเดินทางมาเป็นวิทยากรหลัก ของสถาบันพัฒนาการเมืองพรรคเพื่อชาติ โดยเริ่มจังหวัดแรก ที่จังหวัดพิษณุโลก และต่อด้วยจังหวัดเพชรบูรณ์ ทั้งนี้ได้มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครของจังหวัดพิษณุโลก ดังนี้ นางลัดดา พวงไพบูลย์ เขต 1 นายยอด นาคหวัง เขต 2 นายบุญจิณณ์ ยศปัญญา เขต 3 และ นายอนันตชัย มาฉิม เขต 5

โดย นายสงคราม กล่าวว่า ผู้บริหารประเทศบางคน ชอบด่าคนจนโง่ ขี้เกียจ ทั้งที่จริง คนจนทำงานหนักกว่าคนรวย แต่จน เพราะ ขาดโอกาส ความเหลื่อมล้ำไทยแซงทุกประเทศ ไปเป็นอันดับ 1 ของโลกแล้ว วิธีที่จะลดความเหลื่อมล้ำคือ ต้องให้โอกาสคนจน ในการสร้างตัวให้มีขึ้นมา แต่หากเราเลือกพรรคที่ช่วยเผด็จการสืบทอดอำนาจ เราก็อาจจะต้องจนไปอีก 20 ปี แต่หากเราจะไม่ยอมจนอีกต่อไป ขอฝากพี่น้องเลือกพรรคเพื่อชาติ ด้วย

ด้านนายยงยุทธ กล่าวว่า พรรคเพื่อชาติเป็นที่อยู่ของคนรักชาติ ของคนจน เราจะช่วยเรื่องลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเสมอภาค เท่าเทียม นโยบายใดที่ดีอยู่แล้ว เราก็จะคงไว้ แต่ตรงจุดไหนที่มีจุดอ่อน ก็ต้องแก้อาทิ นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค มีปัญหาเรื่องเข้าถึงการรักษา เราจะยกฐานะโรงพยาบาลประจำตำบล ให้มีอุปกรณ์เหมือน โรงพยาบาลมาตรฐานทั่วไป มั่นใจว่าใช้งบ ถูกกว่าซื้อเรือดำน้ำแน่นอน ส่วนในด้านบุคลากรทางการแพทย์ที่ขาดแคลน เราจะให้ทุนลูกหลานในตำบล เรียนหมอ จบแล้วมาทำงานใช้ทุนที่โรงพยาบาลตำบล เราจะให้โอกาสทุกคน เลิกระบบ แพ้คัดออก โง่คัดออก ทั้งนี้พรรคเพื่อชาติ เราจะไม่จำกัด บังคับให้ใครเลิกปลูกข้าว เลิกปลูกอะไร ใครอยากทำอะไรทำ ปลูกอะไรปลูก เป็นหน้าที่รัฐบาลที่จะช่วยให้ขายได้ราคา รวมถึงเรายังมีนโยบายที่ดินทุกผืนต้องเป็นของคนไทย ไม่ให้ต่างชาติมาเช่า มายึด ยกเลิกการมีเอกสารสิทธิ์ต่างๆ ใช้เป็นโฉนดเท่าเทียมกัน

ส่วน นายจตุพร กล่าวว่า ภารกิจของพรรคเพื่อชาติ คือ สร้างเลือดใหม่ทางการเมืองเข้าสู่รัฐสภา ปัจจุบันปัญหาปากท้อง ความเหลื่อมล้ำของไทยหนักมาก คนที่แก้ปัญหาไม่ได้ มีแต่จะทำให้ปัญหาหนักขึ้น ก็ยังคงอยู่ในอำนาจ ไม่พอยังวางแผนจะสืบทอดอำนาจต่อไปอีกด้วย หากพรรคเพื่อชาติได้เป็นรัฐบาล สินค้าทางการเกษตร จะต้องไม่ขาดทุนอีกต่อไป หากทำไม่ได้ก็คงไม่หน้าด้านอยู่ต่อ

นายจตุพร กล่าวอีกว่า ตนได้เคยเรียกร้องก่อนหน้านี้แล้วว่า ถ้าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ต้องการอยู่ในบัญชีรายชื่อ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงต้องการเป็นนายกรัฐมนตรีต่อ ควรจะลาออก เปิดตัวลงสู่สนามเลือกตั้งเลย ประชาชนจะได้รู้ว่าเขาจะเอาตู่นั่น หรือ พรรคเพื่อชาติ พวกของตู่นี่

นายจตุพร ยังกล่าวอีกว่า การเลื่อนเลือกตั้งมีมาหลายครั้งมากแล้ว ซึ่งก็ไม่มีใครเห็นด้วย แม้กระทั่งครั้งวันที่ 24 กุมภาพันธุ์ ตนก็ได้เคยพูดไปแล้วว่าจะมีการเลื่อนอีก ก็เป็นจริงดังพูด แต่เหตุผลคราวนี้ ดังที่ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้บอกไว้ เกี่ยวกับพระราชพิธี ก็คงไม่มีใครกล้าขัดข้องแต่ก็ต้องดูในกรอบของกฎหมายด้วยเนื่องจากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2561 การเลือกตั้งจะต้องจัดภายในกรอบ 150 วันคือจะสิ้นสุดในวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 หากมีการเลื่อนการเลือกตั้งไปเป็นวันที่ 24 มีนาคม 2562 ดังที่นายวิษณุกล่าวไว้นั้นต้นเกรงว่า จะทำให้เกิดการเลือกตั้งโมฆะอีกครั้งหนึ่ง ดังที่เคยเกิดมา 2 ครั้งในรอบ 10 ปี โดยตน ได้เคยแนะนำไปแล้วว่าว่าจะส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ ประเด็นเรื่องกรอบระยะเวลาการเลือกตั้ง ด้วยเกรงจะเกิดการโมฆะ และ เป็นเหตุให้ ยึดอำนาจอีกครั้งหนึ่ง