ย่อยข่าวเศรษฐกิจ : ยกเลิกแอลทีเอฟผลกระทบน้อย / คาดปี 68 กำลังการผลิตไฟฟ้าจะพอดีกับความต้องการใช้หลังจากนั้นจะลดลง

แฟ้มข่าว

จัดเคาต์ดาวน์ยิ่งใหญ่ริมเจ้าพระยา

นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ จะจัดกิจกรรม “AMAZING THAILAND COUNTDOWN 2019” โดยปีนี้ ททท.ได้กำหนดจัดกิจกรรมจำนวน 5 พื้นที่ ได้แก่ กรุงเทพฯ และเมืองรอง 4 จังหวัด คือ นครพนม ราชบุรี เชียงราย และสตูล โดยใน กทม.มีการจัดหลายพื้นที่ เช่น แยกราชประสงค์ เซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อกระจายนักท่องเที่ยว และในปีนี้ยังได้จัดกิจกรรมเคาต์ดาวน์ในพื้นที่ 4 เมืองรอง เพื่อตอบสนองนโยบายการท่องเที่ยวในเมืองรอง ซึ่งตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2561-1 มกราคม 2562 จะมีนักท่องเที่ยวไทยเที่ยวไม่ต่ำกว่า 2.7 ล้านคน และคาดว่าต่างชาติจะเข้ามาเที่ยวประมาณ 520,000 คน จะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 17,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับไอคอนสยามและองค์กรพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชนและชุมชนริมน้ำเจ้าพระยาทั้ง 2 ฝั่งแม่น้ำ เพื่อจัดกิจกรรมยิ่งใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาในวันที่ 31 ธันวาคมนี้ บนพื้นที่เวทีหลัก ริเวอร์พาร์คไอคอนสยาม ซึ่งย่านนี้ถือว่ามีความหลากหลายของวิถีชุมชน วัฒนธรรม ที่สามารถมอบประสบการณ์ให้แก่นักท่องเที่ยวได้ครบทุกมิติ โดยความพิเศษในปีนี้จะมีการแสดงพลุ ที่ทำจากข้าวเหนียว ระยะทาง 1,400 เมตร ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เข้าชมพลุมากกว่า 1 ล้านคน ในรัศมี 2 กิโลเมตร

พณ.เร่งถกอาร์เซ็ป-ซีพีทีพีพีลดเสี่ยง

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวในงานสัมมนา “รอบรู้ ASEAN รอบรู้ ACEP” จัดโดยกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ และองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) ว่า ขณะนี้เศรษฐกิจการค้าโลกต้องเผชิญความท้าทาย ทั้งจากสงครามการค้าสหรัฐ-จีน มาตรการกีดกันทางการค้า ดังนั้น การรวมกลุ่มทางการค้าถือเป็นโอกาสที่จะสร้างตลาดและเป็นทางเลือกให้กับประเทศสมาชิกที่จะขยายการค้าการลงทุนระหว่างกัน ซึ่งคณะทำงานกระทรวงพาณิชย์ยังดำเนินการเจรจาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเจรจาความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซ็ป) ซึ่งตั้งเป้าหมายจะบรรลุข้อตกลงในปี 2562 และความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (ซีพีทีพีพี) โดยไทยมีความสนใจที่จะเข้ารวมกลุ่ม แต่ยังต้องรอความชัดเจนจากซีพีทีพีพีซึ่งจะมีผลบังคับใช้สิ้นเดือนธันวาคมนี้ และจะมีการจัดประชุมสมาชิกประเทศแรก ในเดือนมกราคม 2562 ว่าจะมีการเปิดรับสมาชิกใหม่อย่างไร และไทยต้องมีการพิจารณาเรื่องการเตรียมตัวเข้าร่วม เพราะอาจจะต้องมีการแก้ไขกฎหมายและระเบียบต่างๆ เช่น การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เป็นต้น

ยกเลิกแอลทีเอฟกระทบน้อย

นายอธิภัทร มุทิตาเจริญ อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และนักวิจัยสถาบันวิจัยเศรษฐกิจป๋วย อึ๊งภากรณ์ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า เม็ดเงินลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (แอลทีเอฟ) ตามข้อมูลของสมาคมบริษัทจัดการลงทุนมีอยู่ราว 3.9 แสนล้านบาท ซึ่งผู้ลงทุนในแอลทีเอฟส่วนใหญ่ลงทุนเพื่อต้องการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี ซึ่งสิทธิลดหย่อนภาษีจากแอลทีเอฟจะหมดอายุในปี 2562 ซึ่งอาจจะไม่มีการต่ออายุ จากการประเมินข้อมูลจากสรรพากรในปี 2555 จะพบว่ากรณีที่ผู้ซื้อแอลทีเอฟไม่มีการเปลี่ยนไปใช้เครื่องมือลดหย่อนภาษีอื่นๆ เลย การไม่ต่ออายุแอลทีเอฟจะส่งผลกระทบต่อผู้ที่เคยลดหย่อนภาษีผ่านแอลทีเอฟอย่างมีนัยสำคัญ หรือ 30-40% ของภาระภาษีโดยเฉลี่ย โดยการซื้อแอลทีเอฟกระจุกตัวมากในกลุ่มผู้มีรายได้สูง สะท้อนผู้มีรายได้น้อยและปานกลางจะไม่กล้ารับความเสี่ยงมากนัก และพบว่าส่วนใหญ่ซื้อแอลทีเอฟมากกว่าอาร์เอ็มเอฟ เพราะเงื่อนไขการลงทุนที่สั้นกว่า

พีดีพีใหม่แข่งต้นทุนรับปี “68 ผลิตต่ำใช้

นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังเปิดงานสัมมนาเวทีรับฟังความคิดเห็นต่อร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (พีดีพี) ของประเทศไทยฉบับใหม่ ระหว่างปี 2561-2580 ว่า ในแผนพีดีพีฉบับนี้ ประชาชนจะได้ใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยถูกลงกว่าแผนเดิม (2558-2579) โดยราคาค่าไฟฟ้าตลอดทั้งแผนจะเฉลี่ยอยู่ที่ 3.57 บาทต่อหน่วย จากเดิมอยู่ที่ราคา 5 บาทกว่าต่อหน่วย เนื่องจากมีการแข่งขันด้านราคาที่มีต้นทุนถูกลง โดยจะเสนอแผนเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ในเดือนมกราคม 2562 จากนั้นเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งนี้ ตามแผนพีดีพีใหม่นี้คาดว่าปี 2568 กำลังการผลิตไฟฟ้าจะพอดีกับความต้องการใช้ หลังจากนั้นกำลังการผลิตจะต่ำกว่าความต้องการใช้ไฟฟ้า โดยคาดว่าช่วงปลายแผนความต้องการไฟฟ้าจะมากกว่า 5 หมื่นเมกะวัตต์

ดังนั้น จะต้องเร่งจัดสรรโรงไฟฟ้าเข้าระบบเพิ่มเติมโดยพิจารณาความสามารถการลงทุนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ก่อน และต้องไม่ขัดกับกฎหมายรัฐธรรมนูญที่ไม่ให้รัฐแข่งขันกับเอกชน