‘ปานเทพ’ เตือน สนช. ปลดล็อกกัญชา ทั้งที่สิทธิบัตรไม่เคลียร์ อาจเสียค่าโง่ในอนาคต!!

ตามที่มูลนิธิชีววิถี หรือไบโอไทย ได้ออกมาประกาศว่าขณะนี้รัฐบาลกำลังแหกตาประชาชน เพราะคำขอสิทธิบัตรกัญชาของต่างชาติที่มีปัญหาไม่ได้ถูกถอนออกจริงๆ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เคยระบุไว้

เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัยมหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ระบุว่า

ด่วนที่สุด ด้วยคำเตือนสุดท้าย! ก่อน สนช.ถูกหลอกลงมติปลดล็อกกัญชาทางการแพทย์ แล้วอ้างว่าจะแก้เรื่องสิทธิบัตรภายหลัง

ตามที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติจะพิจารณาเพื่อลงมติวาระที่ 3 พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่…) พ.ศ. … ในวันอังคารที่ 25 ธันวาคมนี้ โดยมีการกล่าวอ้างว่าเมื่อกฎหมายฉบับดังกล่าวบังคับใช้แล้วจึงจะพิจารณาความชัดเจนเรื่องสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับสารสกัดกัญชาในภายหลัง

ขอเตือนในโอกาสนี้ว่าความคิดดังกล่าวมีความสุ่มเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายต่อประเทศชาติและจะทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียผลประโยชน์อย่างมหาศาลจากสิทธิบัตรเหล่านี้

เหตุผลส่วนหนึ่งที่ภาพประชาสังคมได้เรียกร้องให้ยกเลิกคำขอสิทธิบัตรและเพิกถอนประกาศโฆษณาคำขอสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับกัญชานั้น ก็เพราะในขณะที่มีการยื่นขอจดสิทธิบัตรก็ดี รวมถึงการประกาศโฆษณาคำขอสิทธิบัตรที่เกี่ยวกับกัญชาก็ดี ล้วนแล้วแต่เป็นช่วงเวลาที่กัญชายังเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายเพราะเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 5 ที่ไม่สามารถที่จะมีใครผลิต ครอบครอง เสพหรือจำหน่ายได้

ดังนั้นคำขอสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับกัญชาจึงไม่ชอบด้วย พ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ.2522 มาตรา 9(5) เพราะถือเป็นคำขอสิทธิบัตรการประดิษฐ์ที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดี อนามัยหรือสวัสดิภาพของประชาชน ซึ่งเป็นอำนาจของอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาที่จะสามารถยกเลิกได้ทันที แต่ก็ไม่ได้มีการแก้ไขด้วยการยกเลิกหรือเพิกถอนคำขอสิทธิบัตรดังกล่าวแต่ประการใด

ก่อนหน้านี้ก็เช่นเดียวกัน มีผู้เสนอให้ใช้คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตามมาตรา 44 เพื่อยกเลิกเพิกถอนสิทธิบัตรเกี่ยวข้องกับกัญชาทั้งหมดแทนการใช้อำนาจปกติตาม พ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ.2522 แต่ก็ได้มีการทักท้วงจากภาคประชาสังคมด้วยความห่วงใยว่า การกระทำโดยใช้อำนาจเผด็จการรัฏฐาธิปัตย์ซึ่งไม่เป็นที่ยอมรับในเวทีระหว่างประเทศเช่นนี้ จะมีความสุ่มเสี่ยงที่ประเทศไทยจะถูกฟ้องร้องและแพ้จนอาจต้องจ่ายค่าเสียหายในเวทีอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศในวันข้างหน้าได้

มาถึงในวันนี้มีความพยายามจะผ่านร่าง พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่…) พ.ศ. …โดยอ้างว่าจะแก้ไขปัญหาสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับกัญชาในภายหลังนั้น อาจทำให้ประเทศไทยเสียค่าโง่ในวันข้างหน้าได้ด้วยเช่นเดียวกัน ดังนี้

1.เมื่อ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่…) พ.ศ. … ผ่านความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติแห่งชาติแล้ว และประกาศบังคับใช้เมื่อใด ก็จะส่งผลทำให้การกระทำความผิดเดิมในการรับจดสิทธิบัตรหรือประกาศโฆษณาคำขอสิทธิบัตรเกี่ยวข้องกับกัญชา ซึ่งจากสถานภาพเดิมเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายตามมาตรา 9(5) ของ พ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ.2522 นั้น กลายเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายโดยทันที และไม่มีใครที่จะดำเนินการเพิกถอนหรือยกเลิกได้อีกต่อไป

การลงมติ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่…) พ.ศ. … จึงเสมือนเป็นการฟอกความผิดให้กับการกระทำความผิดในเรื่องสิทธิบัตรเกี่ยวกับกัญชาในอดีตทั้งหมด และเมื่อสารสกัดจากกัญชาสามารถนำมาใช้ในทางการแพทย์ตามกฎหมายใหม่ กัญชาจึงกลายเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ซึ่งไม่เป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษอีกต่อไป

ผลก็คือจะไม่มีใครสามารถยกเลิกสิทธิบัตรกัญชา โดยอาศัยฐานความผิดตามมาตรา 9(5) ของ พ.ร.บ.สิทธิบัตร พ.ศ.2522 ได้อีกต่อไป แม้หากฝืนโดยใช้คำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ตามมาตรา 44 ก็จะยิ่งมีความเสี่ยงสูงขึ้นที่จะแพ้ในเวทีอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศยิ่งกว่าเดิม เพราะไม่ได้เป็นการฝ่าฝืนต่อ พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่…) พ.ศ. … ของประเทศไทยเอง

ดังนั้นการแก้ปัญหานี้จะกระทำได้เพียงประการเดียวเท่านั้นคือ

“ต้องยกเลิกคำขอและเพิกถอนประกาศโฆษณาคำขอสิทธิบัตรที่เกี่ยวข้องกับกัญชาทั้งหมด”ก่อน ”ที่จะมีการลงมติในวาระที่ 3 หรือประกาศบังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่…) พ.ศ. … มิเช่นนั้น พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่…) พ.ศ. … มีความสุ่มเสี่ยงที่อาจจะกลายเป็นกฎหมายขายชาติหรือเสียค่าโง่ เอื้อประโยชน์กลุ่มทุนบริษัทยาที่นำกัญชามาจดสิทธิบัตรในประเทศไทย ให้มาทำร้ายประชาชนในประเทศในวันข้างหน้าได้”

มติชนออนไลน์