เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้สมาคมฯได้ออกแถลงการณ์ “ต้องไม่มีใครถูกปรับทัศนคติตามใจชอบของทหาร” จากกรณีที่มีประชาชนออกมาโพสต์คลิปที่แสดงความไม่ชอบมาพากลในการเลือกตั้งในพื้นที่จังหวัดยโสธร โดยมีการตั้งโต๊ะรับสมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ พรรคที่ประกาศสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกฯอีกครั้ง โดยบอกกับชาวบ้านให้สมัครสมาชิกพรรคพลังประชารัฐแลกกับการได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งอาจเข้าข่ายความผิดตาม ม.30 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 หากผิดจริงอาจมีโทษถึงขั้นถูกยุบพรรค ตาม ม.92(3) ต่อมา นายอำเภอได้ชี้แจงว่าเป็นการเข้าใจผิด และเจ้าหน้าที่ทหารได้นำตัวของผู้โพสต์คลิปดังกล่าวไปปรับทัศนคติ

“การกระทำของทหารดังกล่าวเป็นการแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนที่สุดว่า กลไกของรัฐและกองทัพกำลัง ‘เลือกข้าง’ ถือท้ายรัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐ ทำให้ยากจะปฏิเสธได้ว่า รัฐบาล กองทัพ และพรรคพลังประชารัฐไม่ใช่เนื้อเดียวกัน ทั้งที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) และ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ (ผบ.ทบ.) เพิ่งสั่งการและออกมาประกาศต่อสาธารณชนว่าทหารต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง”

แถลงการณ์ระบุว่า การที่ทหารนำประชาชนที่โพสต์ถึงความไม่ชอบมาพากลไปปรับทัศนคติเป็นการสร้าง “ความกลัว” ให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนที่ต้องการใช้พลังจับตาการโกงเลือกตั้ง เป็นการพยายามทำลายพลังของประชาชนให้สยบยอมต่อรัฐ เพื่อเปิดทางให้เกิดการโกงได้อย่างสะดวกมากขึ้นหรือไม่ ทั้งที่กรณีดังกล่าวเป็นหน้าที่และอำนาจของ กกต. ตาม ม.22 วรรคสอง ม.24 และ ม.41 ของ พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง 2560 จะต้องทำหน้าที่ในการพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่ามีการกระทำความผิดตามที่ประชาชนนำคลิปข้อมูลออกมาโพสต์จริงหรือไม่ ดังนั้น เจ้าหน้าที่ทหารต้องไม่นำตัวประชาชนไปปรับทัศนคติตามใจชอบ โดยเฉพาะในห้วงที่กำลังเข้าสู่ห้วงระยะเวลาของการเลือกตั้ง

“สมาคมฯ ขอประณามการนำตัวประชาชนไปปรับทัศคติตามใจชอบของทหาร เพราะออกมาโพสต์ถึงความไม่ชอบมาพากลของการเลือกตั้ง สมาคมฯเห็นว่าประชาชนทุกคนต้องมีสิทธิตรวจสอบและตั้งคำถามถึงการโกงเลือกตั้งที่กำลังเกิดขึ้นได้ และขอเรียกร้องให้รัฐและกองทัพวางตัวเป็นกลางในช่วงของการเลือกตั้ง และกองทัพต้องเลิกจับประชาชนไปปรับทัศนคติตามใจชอบ”

มติชนออนไลน์