‘สนธิรัตน์’ ลั่น! พลังประชารัฐ คือ ทางออก หรือจะเอาระเบิด ก็เลือกเอา

วันที่ 22 ธ.ค.ที่ศูนย์ประสานงานพรรค พลังประชารัฐ (พปชร.) แขวงกระทุ่มแบน เขตหนองจอก กทม. นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานเปิดศูนย์ประสานงานพรรค เขตหนองจอก โดยมีนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรค นายปิยะณัฐ วัชราภรณ์ อดีตรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ และประชาชนในพื้นที่ที่สนับสนุนร่วมงาน

ทั้งนี้มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขตหนองจอก กทม.นายศิริพงษ์ รัสมี อดีตประธานสภาเขต(ส.ข.) หนองจอก พรรคเพื่อไทย

นายสนธิรัตน์ ขึ้นเวทีปราศรัยตอนหนึ่งโดยหยิบยกความขัดแย้งในอดีต โดยกล่าวว่า พื้นที่หนองจอกถือเป็นพื้นที่แรกที่ตนในฐานะเลขาธิการพรรคมาร่วมเปิดศูนย์ประสานงานพปชร.และสาเหตุที่เลือกพื้นเขตหนองจอกในการเดินทางมาครั้งนี้ เพราะ 25 ปี อยากเห็นพื้นที่หนองจอกยกระดับให้เท่าเทียมพื้นที่อื่นในกทม.

ซึ่งวันนี้ยังเติบโตไม่เทียบเท่ากับพื้นที่อื่น สาเหตุใหญ่เกิดจากคนที่ดูแลพื้นที่ที่ดูแลประชาชนยังไม่ทุ่มเทให้กับประชาชนอย่างแท้จริง แต่วันนี้มั่นใจว่าทุกคนยินดีต้อนรับพรรคพลังประชารัฐ ด้วยหัวใจที่แท้จริง

อย่างไรก็ตาม เวลาที่ได้ยินเสียงการปราศรัยทางการเมืองอดคิดถึงหลายปีที่ผ่านมาไม่ได้ว่า การปราศรัยแบบสร้างสรรค์ได้ถูกแปรเปลี่ยนไปเป็นการปราศรัยด้วยการห้ำหั่นกัน แบ่งแยก ไม่เคยมียุคไหนในประเทศไทยที่ความขัดแย้ง แยกสี แยกขั้วเกิดขึ้นมากที่สุดในประเทศไทย แม้แต่คนบ้านเดียวกันผัวไปทาง เมียไปทาง สาเหตุเพราะอยู่กันคนละสี ถือเป็นเวรกรรม

ไอ้สิ่งเหล่านี้มันเกิดครั้งแล้วครั้งเล่า เกิดมาไม่เคยพบเคยเห็น คุยอะไรกันคุยได้ แต่ถ้าคุยเรื่องสีชกกันดีกว่า ประเทศไทยตกต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ เดินไปที่ไหนกลัวระเบิดร่วงลงมา ผมไม่แน่ใจอยู่กรุงเทพฯหรือซาอุฯ เพราะไม่รู้ว่าระเบิดอยู่ตรงไหน มันไม่เคยเกิดขึ้นในประเทศไทย เกิดขึ้นได้อย่างไร เราไม่เคยเป็นประเทศที่รบราฆ่าฟันกัน เหตุการณ์ในวันนั้นสิ่งที่กลัวที่สุดคือ ไม่รู้ว่าเดินๆอยู่แล้วเกิดอะไรขึ้น

ซึ่งมีเหตุการณ์หนึ่งที่จำได้ไม่ลืมในการจัดงานเคาต์ดาวน์ในเทศกาลปีใหม่ มีการจัดงานหน้าห้างสรรพสินค้าเวิร์ดเทรดเซ็นเตอร์ มีคนไปร่วมงานเป็นหมื่นคน ทุกคนจูงมือกันไปร่วมงานเพื่อมีความสุข เวลาประมาณ 4-5 โมงเย็น อยู่ดีๆก็มีระเบิดใกล้ๆตู้โทรศัพท์ ทำให้มีคนตาย แล้วคิดว่าการเมืองแบบนี้ประชาชนยังจะเอาอยู่อีกหรือไม่
เราเอาแบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด เอามาทำไม เอามาแล้วมายิงกันอีกแล้วจะทำอย่างไร พรรคพลังประชารัฐจึงต้องเกิดขึ้น เพราะเห็นว่าถ้าปล่อยให้พรรคนี้ชนะ อีกพรรคหนึ่งก็จะออกมาใหม่ 10 กว่าปีแล้วเป็นแบบนี้ เรามามัวทะเลาะเบาะแว้งกันจนประเทศเดินต่อไปไม่ได้อีกแล้ว

นายสนธิรัตน์ กล่าวตอนท้ายว่า เมื่อพรรคพลังประชารัฐ เปิดตัวออกมาก็มีรัศมีดูดี มีอดีตรัฐมนตรี อดีต ส.ส.เดินเข้าพรรคเป็นแถว แต่ปรากฎว่าทุกคนต่างรุมถล่มพรรคพลังประชารัฐทุกวัน เพราะกลัวว่าประชาชนจะเลือกพรรคพลังประชารัฐ จึงต้องรุมถล่ม วันนี้อยากถามประชาชนจะเลือกคนดีแล้วถูกถล่มหรือไม่