“มาร์ค” ชี้ “บิ๊กตู่” ต้องบอกสังกัดพรรคก่อนถึงจะเรียกว่า “นักการเมืองเต็มตัว” ลั่น ปชป.ไม่สนใจเรื่องต่อรองตำแหน่ง

เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ที่ตลาดสดเทศบาลตำบลลานหอย อำเภอบ้านด่านลานหอย จังหวัดสุโขทัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แสดงความชัดเจนเป็นนักการเมืองเต็มตัว ว่า ต้องรอให้นายกรัฐมนตรีแสดงความชัดเจนว่าจะตอบรับเข้าร่วมกับพรรคการเมืองใด จึงจะถือว่าเป็นการเข้าสู่การเมืองอย่างเต็มตัว ซึ่งเชื่อว่านายกรัฐมนตรีก็มีดุลพินิจพอที่จะทราบว่าขณะที่ยังดำรงตำแหน่งนี้ สิ่งใดควรทำหรือไม่ควรทำ แต่เท่าที่ดูเห็นว่ามาตรฐานของพล.อ.ประยุทธ์ คือ การกระทำใดที่ไม่ขัดต่อกฎหมายก็ถือว่าทำได้ อย่างไรก็ตาม ในระหว่างการตรวจราชการของนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่จังหวัดบึงกาฬ ซึ่งมีการใช้วาทะที่มีลักษณะคล้ายกับการหาเสียงนั้น ก็ต้องทำด้วยความระมัดระวัง เพราะอาจขัดต่อ พ.ร.ป.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มาตรา 22 ที่ระบุว่า หากการกระทำใด ที่เข้าข่ายว่าจะทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตและเที่ยงธรรม แม้จะยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง ก็อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายได้ รวมถึงการใช้อำนาจรัฐที่ต้องมีความระมัดระวังเช่นกัน

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานคณะกรรมการรณรงค์การเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย เปิดเผยมีการต่อรองตำแหน่งรัฐมนตรี ว่า ตนเองไม่ทราบ และพรรคปชป.ไม่ได้สนใจเรื่องการต่อรองตำแหน่ง แต่สนใจว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะนำพาประเทศไปในทิศทางใด เพื่อให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เพราะประชาชนเกิดความเบื่อหน่ายกับการที่นักการเมืองต่อรองผลประโยชน์หรือตำแหน่ง ซึ่งนโยบายที่ดีต้องสามารถแก้ปัญหาให้กับประชาชนได้อย่างยั่งยืน มีการศึกษาและมีวิธีดำเนินการที่ชัดเจน จึงอยากให้รัฐบาลหลังการเลือกตั้งสามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ เพราะประชาชนไม่พอใจกับสภาพเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการที่รัฐบาลเตรียมจัดสรรงบประมาณในการช่วยเหลือประชาชนเพิ่มเติมนั้น เป็นเรื่องการบริหารงานของรัฐบาล แต่จากการที่ตัวเองได้ลงพื้นที่พบปะประชาชน พบว่า ประชาชนต้องการชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างยั่งยืนมากกว่ารอรับการแจกเงินจากรัฐบาล

มติชนออนไลน์