“จตุพร” ลั่น “เพื่อชาติ” จับมือร่วมรัฐบาลแต่พรรคยืนข้างประชาธิปไตยเท่านั้น

วันที่ 13 ธันวาคม 2561 นายจตุพร พรหมพันธุ์ กองเชียร์พรรคเพื่อชาติ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ภายหลังเป็นวิทยากร ตามคำเชิญของ สถาบันพัฒนาการเมือง พรรคเพื่อชาติ จังหวัดพังงา ในวันที่สี่ ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของกำหนดการ พรรคเพื่อชาติสัญจรภาคใต้ว่า ในส่วนของพรรคเพื่อชาติที่ตนเป็นกองเชียร์นั้น จะร่วมเปิดประเด็นในการเปลี่ยนแปลงภาคใต้ในแต่ละจังหวัดทั้ง 14 จังหวัด ซึ่งความเดือดร้อนของพี่น้อง 14 จังหวัดภาคใต้มีทั้งความเหมือนกันและแตกต่างกัน ในส่วนของจังหวัดพังงา ก็จะมีปัญหาเรื่องราคาปาล์ม ราคายาง การท่องเที่ยว การประมงบางส่วน ด้าน 3 จังหวัดชายแดนก็จะเป็นอีกปัญหา ซีกอ่าวไทย ก็จะเป็นปัญหาหนึ่ง แต่ก็คล้ายๆกันโดยภาพรวมก็ถือว่าพี่น้องชาวภาคใต้มีความยากลำบาก มีความยากจนที่ไม่เคยเกิดพานพบมาในช่วงหลายสิบปีนี้ ประชาชนต่างมีความคาดหวังกันว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลง การแก้ไขปัญหา ทั้ง เรื่องคุณภาพชีวิต ปัญหาอดอยากให้กับพวกเขา

นายจตุพร กล่าวอีกว่า ในส่วนพรรคเพื่อชาติซึ่งเป็นพรรคที่เปิดกว้างทางการเมืองก็จะมีการเปิดเวทีรับฟัง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการท่องเที่ยว ปัญหาราคายางพารา ปาล์ม มะพร้าว ทางพรรคเท่าที่ตนรับทราบจากหัวหน้าพรรคมา ทางพรรคจะเปิดสัมมนา แล้วจะเอาข้อเสนอมากำหนดเป็นนโยบายของพรรค แล้วนำกลับมาเสนอให้กับประชาชน วันนี้หลักคิดของพรรคเพื่อชาติ เขาได้เลือกพื้นที่ ที่มีความยากมากที่สุด ถ้าในทางภูมิรัฐศาสตร์ ภาคใต้เป็นพื้นที่ผูกขาดทางการเมือง แต่ทางพรรคเขาก็ตัดสินใจเลือกพื้นที่ที่ยากที่สุดก่อน และก็มาเพื่อที่จะรับฟังปัญหา และจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหา ส่วนในเรื่องผลลัพธ์ในการเลือกตั้ง จะเป็นเรื่องรอง ถ้าคิดเรื่องการเลือกตั้งเป็นเรื่องหลัก ก็คงจะต่อสู้ด้วยความยากลำบาก แต่ถ้าคิดเรื่องการหาทางออกให้กับประเทศชาติ ร่วมกันเปลี่ยนแปลงภาคใต้ ร่วมกันเปลี่ยนแปลงพังงา และจังหวัดอื่น ๆทั้ง 14 จังหวัดนี้ จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรม ผลการเลือกตั้งจะเป็นเรื่องรอง ผลสำเร็จการแก้ไขปัญหาของประชาชนและประเทศชาติจะเป็นเรื่องหลัก

“หากพักได้เข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลถ้าประชาชนให้โอกาส ก็จะเอานโยบายของพระ มาเป็นเงื่อนไขที่สำคัญในการร่วมรัฐบาลถ้าแกนนำรัฐบาลตกลงกันว่า การแก้ไขปัญหาเรื่องยางพาราควรจะเป็นวาระแห่งชาติ เรื่องการท่องเที่ยวก็ควรเป็นวาระแห่งชาติเรื่องพืชผลทางการเกษตรเรื่องการประมง ล้วนควรเป็นวาระแห่งชาติ ตนเชื่อว่าแกนนำรัฐบาลก็ต้องรับฟัง เพราะมันไม่ใช่เงื่อนไขส่วนตัวแต่เป็นเงื่อนไขการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับประชาชน” นายจตุพร กล่าว

นายจตุพร ยังกล่าวด้วยว่า เราพร้อมคุยกับทุกฝ่ายแต่ความเป็นพรรคเพื่อชาติแม้ว่าประกาศเป็นเกาะกลาง แต่มีจุดยืนประชาธิปไตยที่ชัดเจน เพราะฉะนั้นภายใต้หลักการประชาธิปไตยที่ชัดเจนเช่นนี้ ถ้าไม่เป็นประชาธิปไตยพรรคเพื่อชาติก็ไปเข้าร่วมด้วยไม่ได้ เพราะเราเป็นพรรคประชาธิปไตย แต่เป็นประชาธิปไตยที่เปิดกว้าง พร้อมจะพูดคุยกับทุกฝ่าย แต่ไม่ใช่ว่าจะไปร่วมรัฐบาลกับทุกฝ่าย จะร่วมเป็นรัฐบาลเฉพาะกับฝ่ายที่เป็นประชาธิปไตย

ทั้งนี้ช่วงเย็น นายจตุพร ยังมีกำหนดการไปเป็นวิทยากร ให้สถาบันพัฒนาการเมือง พรรคเพื่อชาติ จังหวัดกระบี่ และตรัง เป็นที่สุดท้ายอีกด้วย