“FFFE-พรรคการเมือง” ยื่นร้อง กกต.จัดเลือกตั้งบนกติกาเสรี-เป็นธรรม ต้องมีโลโก้-ชื่อพรรค

วันที่ 12 ธันวาคม 2561 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้งและแนวร่วม เครือข่ายประชาชนที่ต้องการการเลือกตั้งที่เสรี เป็นธรรม และมีผลในทางปฏิบัติ (FFFE) พร้อมด้วย นายอนุสรณ์ อุณโณ อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมนุษายวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แนวร่วมกลุ่ม นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ โฆษกและนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล จากพรรคเพื่อไทย, พล.ท.พงศกร รอดชมภู รองหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่,ตัวแทนจากพรรคเสรีรวมไทย พรรคประชาชาติ พรรคสามัญชนและพรรคเกียน ร่วมกันแสดงจุดยืนต่อการเลือกตั้งที่ต้องเสรีและเป็นธรรม และแสดงจุดยืนคัดค้านจากกรณีข้อเสนอบัตรเลือกตั้งไม่มีโลโก้และชื่อพรรค จนเกิดเสียงวิพากษ์ต่อ คณะกรรมการการเลือกตั้ง และรัฐบาล คสช.

โดยทั้งกลุ่ม FFFE และตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆได้ร่วมกันยื่นแถลงการณ์ของเครือข่ายเรื่อง คัดค้านการจัดการเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรมและไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ” โดยมีนายสมเกียรติ คงดี ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เป็นผู้รับหนังสือ

จากนั้น น.ส.ณัฐฏา กล่าวว่า ทั้ง10 พรรคการเมืองที่ร่วมแสดงจุดยืนเห็นพ้องต้องกันต่อข้อเรียกร้อง โดยมีพรรคที่ยืนยันร่วมแสดงจุดยืนได้แก่ พรรคเพื่อไทย พรรคไทยรักษาชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคสามัญชน พรรคประชาชาติและพรรคเพื่อชาติ ส่วนพรรคอื่นๆติดธุระหรือไม่สามารถเดินทางมาได้ทัน ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ได้มีแถลงกาารณ์ไปก่อนหน้านี้แล้วซึ่งจุดยืนไม่ต่างกัน แต่ทางพรรคประชาธิปัตย์จะไปเคลื่อนไหวของตัวเอง

หลังจากนายอนุสรณ์ได้อ่านแถลงการณ์และข้อเรียกร้อง 3 ข้อ (ตามรายละเอียดกรอบข้างล่าง) เสร็จสิ้น แต่ละพรรคการเมืองได้ออกมากล่าวแสดงจุดยืนโดยเริ่มที่พรรคเพื่อไทย โดย นางลดาวัลลิ์ กล่าวว่า ทางพรรคเพื่อไทยเห็นด้วยกับการแสดงออกของกลุ่มประชาชนที่ต้องการการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม และมีผลในทางปฏิบัติ ซึ่งเป็นสิทธิที่คนไทยแสดงจุดยืนตรงกัน ควรจะแสดงออกมาว่า เราต้องการอำนาจคืนจากรัฐบาลทหาร ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 และสิ่งที่พรรคเพื่อไทยเรียกร้องมาตลอดคือ การเลือกตั้งที่โปร่งใส เป็นเสรีและเราเคยเรียกร้องให้รัฐบาลวางตัวเป็นกลางและให้เสรีและอิสระในการทำหน้าที่ของ กกต. ไม่ครอบงำหรือชี้นำการทำงานของกกต. แต่ที่สำคัญคือ กกต.ต้องเป็นตัวของตัวเอง ไม่รับคำสั่งจากใคร เพราะกกต.ต้องเป็นกลางที่สุดและจัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรมที่สุด และที่สำคัญบัตรเลือกตั้งจะต้องไม่ทำให้สับสน การไม่ใส่ชื่อหรือโลโก้พรรคลงบนบัตรลงคะแนนเลือกตั้ง เป็นสิ่งที่ทำให้ประชาชนอาจจะใช้สิทธิผิดพลาด ก็ให้เกิดความผิดหวัง ได้รัฐบาลที่ไม่เป็นที่ปรารถนาก็ต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อป้องกันความผิดพลาด

“สำหรับพรรคเพื่อไทย เราคือประชาชนที่มีอุดมการณ์ประชาธิปไตย และมีอุดมการณ์ร่วมกันในการช่วยคิดแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ ซึ่งสิ่งที่เราทำมาเป็นสิ่งมีค่าในการแก้วิกฤตให้เป็นผลสำเร็จมาแล้ว เพราะฉะนั้น ในก้าวย่างที่จะเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร เข้าสู่ทำเนียบรัฐบาลเพื่อบริหารได้นั้น ก็ต้องผ่านการเลือกตั้งนี้ให้ได้ นี่คือเป้าหมายของพรรคเพื่อไทย เราจึงเคารพกฎหมายที่กกต.ประกาศตามกฏหมายลูกและรัฐธรรมนูญ แม้เราลงไม่รับร่างรัฐธรรมนูญในวันลงประชามติ แต่เพื่ออุดมการณ์ของเราที่จะมาหยุดวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า เราจำเป็นต้องปฏิบัติกฎของการเลือกตั้งให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้ผู้สนับสนุนผิดหวัง เราเห็นด้วยกับข้อเรียกร้อง 3 ข้อดังกล่าว ” โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าว

เมื่อถูกถามเกี่ยวกับข้อเรียกร้องข้อแรกว่าด้วยบัตรเบอร์เดียวต่อทั้งพรรคนั้น นางลดาวัลลิ์กล่าวว่า ทุกพรรคเห็นพ้องต้องกันในเรื่องนี้ และไม่ต้องรอพรรคการเมืองหารือ กกต.สามารถทำได้ทันที ทำบัตรเลือกตั้งให้ง่าย จดจำได้ ซึ่งทุกประเทศใส่โลโก้พรรค เหตุใดถึงไม่ใส่เข้าไป ควรให้คนและพรรคอยู่ในเบอร์เดียวกัน

ต่อมา พล.ท.พงศกร จากพรรคอนาคตใหม่กล่าวว่า ถ้าเราติดตามข่าว เราจะพบว่าสหภาพยุโรป(อียู)และนางแองเกล่า แมร์เคิล สมุหนายกสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ได้กล่าวไว้ชัดว่า ถ้าการเลือกตั้งไม่เสรีและไม่เป็นธรรม จะไม่มีการเจรจาทางการค้า ดังนั้นถ้าทุกคนช่วยกันผลักดัน โดยเฉพาะกกต.ถ้ายึดถืพันธกรณีตามปฏิญญาปารีส 2537 ว่าด้วยการจัดการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม ก็ไม่ต้องถามซ้ำแล้วว่าจะต้องมีโลโก้หรือไม่ บัตรต้องเป็นยังไง ปฏิญญาวางเงื่อนไขชัดทั้งบัตร ทั้งผู้สมัครขององค์กรรัฐสมาชิก ถ้าทำเช่นนั้นจะหมดปัญหา แต่ที่สำคัญคือ จะทำอย่างไรให้นานาชาติยอมรับการเลือกตั้ง ไม่ให้เป็นการเสียของ ดังนั้น การที่ไม่ให้เสียของนั้นคือให้มีผู้สังเกตการณ์จำนวนมากเข้ามา กกต.สามารถเชิญเข้ามาและนี่เป็นเงื่อนไขหนึ่งที่ทำให้การเลือกตั้งเสรีและเป็นธรรมด้วย ดังนั้น ขอให้กกต.ทำตามข้อเรียกร้อง ยิ่งมีผู้สังเกตการณ์มากยิ่งดี และประชาชนช่วยสังเกตการณ์เพื่อรักษาสิทธิของท่าน

ขณะที่ นางสาวเกศปรียา แก้วแสนเมือง โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวถึงการจัดการเลือกตั้งว่า เป็นตัวแปรที่สำคัญอย่างนึงที่จะทำให้ประเทศไทยของเราได้รับการยอมรับในสังคมโลก หากปล่อยให้ฝ่ายเผด็จการที่ครองอำนาจอยู่ทำอะไรได้ตามอำเภอใจแบบไม่สนใจสายตาโลก ย่อมก่อให้เกิดความเสียหายต่อประเทศไทยอย่างมาก รวมทั้งผลกระทบที่จะเกิดจากการเลือกตั้งอันมีกติกาและการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม ก็จะได้มาซึ่งผู้ปกครองที่ไม่มีความสามารถ หากผู้ปกครองไม่มีความสามารถเราคงเดาคำตอบกันได้ว่าประชาชนจะต้องทนลำบากไปอีกขนาดไหน

“จุดประสงค์หลักที่ทางพรรคเพื่อชาติเดินทางมาเพื่อแสดงจุดยืนร่วมกับเครือข่าย FFFE รวมถึงภาคประชาชน และพรรคการเมืองอื่นๆ เนื่องจากมีข้อเรียกร้องต่อ กกต. 3 ข้อหลัก ดังนี้ 1. ผลักดันให้มีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้มีการใช้เบอร์เดียวต่อพรรค เพื่อความสะดวกในการลงคะแนนและลดความสับสนของประชาชน 2. กำหนดให้บัตรเลือกตั้งมีข้อมูลเพียงพอสำหรับผู้ลงคะแนน โดยเฉพาะชื่อและสัญลักษณ์ของพรรคจะต้องถูกพิมพ์ลงบนบัตรด้วย 3. เสนอและผลักดันให้รัฐบาลมีสถานะเป็นรัฐบาลรักษาการ และให้ คสช. หยุดแทรกแซงการจัดการเลือกตั้งของ กกต. ทั้งทางตรงและทางอ้อม” โฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าว

อย่างไรก็ดี นางสาวเกศปรียา กล่าวทิ้งท้ายว่า เราทุกคนก็ได้เห็นแล้วว่า 4 ปีกว่าที่ผ่านมา ประชาชนลำบากจนทนแทบจะไม่ไหวกันแล้วผลก็เนื่องมาจากการบริหารประเทศแบบไม่มีศักยภาพ ไม่มีการยึดโยงกับประชาชน ไม่มีการขับเคลื่อนประเทศแบบองค์รวมที่จะต้องทำให้ประชาชนฐานรากยืนได้และเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของทั้งประเทศเลย ดังนั้นวันนี้เราจึงอยากจะขอเรียกร้องให้ กตต มีการจัดการเลือกตั้งที่โปร่งใส และปราศจากอำนาจการแทรกแทรงใดๆจากผู้อื่น

นอกจากนี้ นายอภิสิทธิ์ ทรัพย์นภาพันธ์ สมาชิกพรรคสามัญชน ได้กล่าวว่า ทางพรรคสามัญชนเองมองว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ หลังจากที่ห่างหายมานานเกือบ 5 ปี ถือเป็นความหวังที่จะคืนการเมืองกลับมาสู่ระบอบปกติ แต่จะปกติได้ก็ต้องอยู่ในกติกาที่เป็นธรรม และกรรมการก็ต้องวางตัวเป็นกลาง ภายใต้การติดตามตรวจสอบจากภาคประชาชน ซึ่งทางพรรคสามัญชนก็จะจัดกลุ่มสังเกตการณ์เลือกตั้งในทุกหน่วยที่มีสมาชิกพรรคสามัญชนในการติดตามตรวจสอบ ส่วนคณะกรรมการบริหารจะดูในส่วนกฎหมาย ถ้ามีอะไรไม่เป็นธรรม พรรคสามัญชนพร้อมสนับสนุนกับกลุ่ม FFFE

“ในส่วนโลโก้พรรคนี้ คะแนนเสียงของเขตจะถูกนับรวมกับพรรค ดังนั้นการมีโลโก้จะทำให้ประชาชนตัดสินใจง่ายว่าพรรคไหนที่สนับสนุนระบอบเผด็จการ ก็จะเห็นชัดและไม่สนับสนุนพรรคนั้น ส่วนพรรคไหนสนับสนุนประชาธิปไตยก็จะเลือกได้” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

แถลงการณ์เครือข่าย FFFE 

เรื่อง “คัดค้านการจัดการเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรมและไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ”

นับตั้งแต่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดปัจจุบันซึ่งมาจากการแต่งตั้งของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เริ่มดำรงตำแหน่ง เครือข่ายประชาชนที่ต้องการการเลือกตั้งที่เสรี เป็นธรรม และมีผลในทางปฏิบัติ (Free, Fair & Fruitful Election – FFFE) ได้เฝ้าติดตามการทำงานของ กกต. อย่างใกล้ชิดและมีข้อกังวลหลายประการ โดยเฉพาะการแทรกแซงการทำงานของ กกต. โดยคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เครือข่าย FFFE จึงได้เรียกร้องให้มีการปลดล็อคการเมืองและคำสั่งที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพประชาชน หยุดการใช้อำนาจตามมาตรา 44 แทรกแซงการจัดการเลือกตั้ง ตรวจสอบความสัมพันธ์ของพรรคการเมืองกับ คสช. และให้รัฐบาล คสช. เปลี่ยนสถานะเป็นรัฐบาลรักษาการ ตามที่ปรากฏในรายงานของสื่อมวลชนแล้วนั้น

บัดนี้เครือข่าย FFFE รวมถึงภาคประชาชนและพรรคการเมืองจำนวนมากมีข้อกังวลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายละเอียดของการจัดการเลือกตั้ง เช่น การเปลี่ยนแปลงเขตเลือกตั้ง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือความเป็นไปได้ที่ กกต. จะพิมพ์บัตรเลือกตั้งโดยปราศจากสัญลักษณ์และชื่อพรรคการเมือง (ภายใต้เงื่อนไขที่พรรคการเมืองต้องจับหมายเลขแยกกันใน 350 เขต และคะแนนเสียงที่ได้จะถูกคำนวณเป็นที่นั่งของ สส. บัญชีรายชื่อพรรค) ซึ่งขัดต่อหลักการจัดการเลือกตั้งที่เป็นสากล และจะยิ่งส่งผลให้การจัดการเลือกตั้งถูกตั้งคำถามถึงความได้เปรียบเสียเปรียบมากยิ่งขึ้น เครือข่าย FFFE รวมถึงภาคประชาชนและพรรคการเมืองจึงมีข้อเรียกร้องต่อ กกต. ดังนี้

  1. ผลักดันให้มีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้มีการใช้เบอร์เดียวต่อพรรค เพื่อความสะดวกในการลงคะแนนและลดความสับสนของประชาชน
  2. กำหนดให้บัตรเลือกตั้งมีข้อมูลเพียงพอสำหรับผู้ลงคะแนน โดยเฉพาะชื่อและสัญลักษณ์ของพรรคจะต้องถูกพิมพ์ลงบนบัตรด้วย
  3. เสนอและผลักดันให้รัฐบาลมีสถานะเป็นรัฐบาลรักษาการ และให้ คสช. หยุดแทรกแซงการจัดการเลือกตั้งของ กกต. ทั้งทางตรงและทางอ้อม

ข้อเรียกร้องนี้เป็นเพียงเงื่อนไขขั้นต่ำเพื่อให้การเลือกตั้งมีคุณภาพและสะท้อนเจตนารมณ์อันแท้จริงของประชาชน ทางเครือข่าย FFFE และผู้ร่วมแสดงจุดยืน ขอยืนยันว่าการเลือกตั้งจะต้องอยู่วางอยู่บนกติกาและบริบทที่เสรีและเป็นธรรม และ กกต. จะต้องเป็นผู้ดำเนินการให้เกิดขึ้น ในฐานะองค์กรอิสระที่มีความสำคัญยิ่งต่อการกำหนดอนาคตของประเทศด้วยเสียงของประชาชน

เครือข่ายประชาชนที่ต้องการการเลือกตั้งที่เสรี เป็นธรรม และมีผลในทางปฏิบัติ (FFFE)

12 ธันวาคม 2561