“อนุทิน”ชี้ ตัดโลโก้-ชื่อพรรค บนบัตรลต. หวั่นทำสับสน ยันภูมิใจไทย พร้อมลงแข่งทุกรูปแบบ

“อนุทิน” ชี้ ไม่มีโลโก้พรรคบนบัตรลต.อาจทำให้เกิดความสับสน-ไม่เป็นผลดี ชี้ “ภท.” พร้อมสู้ใต้กฎทุกรูปแบบ เผย ส่งผู้สมัครกทม.ทั้ง 30 เขต

เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นายอนุทิน ชาญวีรกุล หัวหน้าพรรคภท. ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสนอที่ไม่ให้ใส่โลโก้พรรคการเมืองบนบัตรเลือกตั้ง ว่า ก็อาจจะทำให้เกิดความสับสนได้ ตนคิดว่าอะไรที่ปฏิบัติมาแล้วไม่เคยมีปัญหาก็น่าจะยึดถือไปตามนั้น การเปลี่ยนแปลงอะไรที่ผิดแผลกไปจากสิ่งเดิมที่ไม่เคยสร้างปัญหาก็อาจจะถูกครหาว่าเป็นเรื่องของการเอารัดเอาเปรียบหรือเปล่า ซึ่งไม่น่าจะเป็นผลดี

เมื่อถามว่า มีพรรคการเมืองบางพรรคเสนอให้แก้มาตรา 48 เพื่อให้เขตเลือกตั้งทุกเขตพรรคแต่ละพรรคใช้เบอร์เดียวกันเพื่อเป็นการแก้ปัญหาเรื่องความสับสน นายอนุทิน กล่าวว่า จริงๆแต่ละพรรคควรใช้เบอร์เดียวถูกแล้ว เพราะทั้งง่าย และประหยัดค่าใช้จ่าย และทำให้พี่น้องประชาชนที่มาออกเสียงเลือกตั้งเกิดความสะดวกด้วย ซึ่งที่ผ่านมาก็ทำอย่างนี้มาตลอด แต่อย่างไรก็ตาม ตนก็ยังเชื่อมั่นในวิจารณญาณของพี่น้องประชาชนชาวไทย ยิ่งออกมาไม่เหมือนเดิมอย่างที่เคยเป็นมาประชาชนยิ่งต้องทำความคุ้นเคยกับคนที่เขาจะเลือกได้ ถ้าคิดว่าจะออกมาแบบนี้แล้วจะเป็นการก่อให้เกิดความเหลื่อมล้ำ มันไม่ได้ทำให้เป็นแบบนั้นหรอก

เมื่อถามว่า เชื่อว่าการเลือกตั้งจะเป็นไปโดยบริสุทธิ์ยุติธรรมหรือไม่ เพราะคนที่เสนอเรื่องนี้เป็นหัวหน้าคสช. นายอนุทิน กล่าวว่า อย่าไปคิดว่าหากมีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองลงมาแข่งขันด้วยแล้วจะเป็นปัญหา สมัยก่อนก็ต้องต่อสู้กับพรรคของนายกฯไม่ได้มีอะไรแตกต่าง ดังนั้น อย่าเพิ่งไปมองโลกในแง่ร้ายว่า การที่อาจจะมีผู้หลักผู้ใหญ่ในบ้านเมืองปัจจุบันลงมาแข่งขันด้วยจะเอื้ออะไรมากนัก พรรคการเมืองที่เป็นพรรคการเมืองที่อยู่คู่กับระบอบประชาธิปไตยมาตลอดในพรรคตนไม่มีใครกังวลในเรื่องนี้ ตนพูดคุยกับหลายๆพรรคก็ไม่มีใครกังวลเรื่องนี้ ขอให้มีการแข่งขันกันเถิด เทคโนโลยีสมัยนี้ค่อนข้างที่จะเชื่อถือว่า ใครคิดจะโกงอยู่ไม่สุขหรอก

เมื่อถามว่า กกต.ควรมีท่าทีอย่างไร เพราะเมื่อมีข้อเสนอออกมากกต.ก็ออกมารับลูก นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้พรรคภท.พร้อมต่อสู้ในสนามเลือกตั้งทุกกติกา ทุกรูปแบบ ตนไม่คิดการเมือง คิดแต่ว่าจะออกมาอย่างไรถ้าไม่พอใจก็อย่าลงต่อสู้ ตนไม่ได้เป็นคนตั้งกฎ ไม่ได้เป็นคนตรากฎ เพราะวันนี้ไม่มีสิทธิ ก็ถามว่ากฎแบบนี้ออกมาไม่พอใจแล้วยังไง ไม่รับก็อย่าส่งลง แต่ภท.เราพร้อมทุกรูปแบบ เพราะเรามั่นใจว่าผู้สมัครของภท.แต่ละคนที่พรรคจะส่งลงสมัครเป็นคนของประชาชนจริงๆ

เมื่อถามว่า ไม่ได้มองไปถึงการแก้ปัญหาโดยการร้องศาลรัฐธรรมนูญหรือศาลปกครองแบบพรรคอื่น นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่หรอก หัวหน้าพรรคภท.คนนี้พยายามที่จะไม่ก่อปัญหาอะไรให้การเลือกตั้งมีปัญหา เราต้องการให้มีการเลือกตั้ง และต้องการเข้าไปแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชน ไม่ต้องการมาเดินเกมการเมือง หรือสร้างความขัดแย้งให้เพิ่มขึ้นมากกว่านี้

เมื่อถามว่า สำหรับพื้นที่กทม.จะส่งส.ส.เท่าไหร่ และตั้งเป้าว่าจะได้กี่เก้าอี้ นายอนุทิน กล่าวว่า เราส่งครบทุกเขต และตั้งเป้าว่าจะต้องชนะทุกเขต เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้ทุกคะแนนมีความหมาย ทุกคนแนนที่เราได้ในกทม.คือชัยชนะของพรรคภท. ทั้งนี้ เรามีผู้สมัครที่เป็นทั้งส.ก. อดีตส.ส. นักธุรกิจ อดีตข้าราชการ ฯลฯ ที่มีความคุ้นเคยในแต่ละเขต พรรคภท.ขอให้คำสัญญาว่าจะไม่มีการส่งลงไปเพื่อเก็บคะแนน 2,000-3,000 คะแนน แต่ส่งแต่ละคนต้องได้เป็นหมื่น อย่างไรก็ตาม วันนี้เราวางตัวผู้สมัครแล้ว แต่ทุกคนต้องผ่านขั้นตอนของการคัดเลือกตามกฎหมาย ต้องมีการผ่านไพรมารีของพรรคทุกคน เรามาร์คตัวไว้แล้วโดยมาร์คตัวมากกว่าเขตเพื่อเลือกคนที่แข็งแรงที่สุดมาเป็นผู้สมัครของพรรค

เมื่อถามว่า วันที่ 2 มกราคม 62 เมื่อพ.ร.ฎ.เลือกตั้งประกาศใช้จะเหลือเวลาประมาณ 2 เดือนก่อนการเลือกตั้ง คิดว่าเพียงพอต่อการหาเสียงหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เพียงพอ สมาชิกของพรรคเราไม่เคยทอดทิ้งพื้นที่ เราลงพื้นที่ตลอดเวลาให้เกิดความคุ้นเคยอยู่แล้ว หากนับวันที่ 2 มกราคม ไปถึงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 62 ก็เหลือเวลาประมาณเดือนกว่า ที่ผ่านมาก็เท่านี้ ก็ไม่ใช่สิ่งแปลกใหม่ เราอาจจะไม่ได้เลือกตั้งมานานจึงหลงลืมบรรยากาศเหล่านั้นไป ก็ขอให้ช่วยกัน อย่าให้มีการเลื่อนการเลือกตั้งเลย ทุกคนพร้อมหมดแล้ว ประเทศจะได้เดินหน้าเสียที

เมื่อถามว่า วันนี้วันรัฐธรรมนูญหลายพรรคเริ่มออกมาแสดงจุดยืนอยากแก้รัฐธรรมนูญบางมาตราที่ไม่เป็นธรรม แล้วจุดยืนของพรรคภท.เป็นอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า เราเคารพรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญตราไว้อย่างไรคือฉันทานุมัติของประชาชนมาเรียบร้อยแล้ว การจะแก้ไขอะไรต่างๆไม่ใช่สิ่งที่ง่าย จะแก้ไขอะไรตอนนี้อีกกี่เดือนจะได้เลือกตั้ง เมื่อผู้มีอำนาจท่านได้กำหนดวันเลือกตั้งแล้วถ้าเรามัวแต่ไปแก้อะไรอีกก็ไม่ต้องเลือกตั้งกันพอดี ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อประเทศ

มติชนออนไลน์