เมื่อวานนี้ (6 ธันวาคม 2561) ดร.รยุศด์ บุญทัน รองโฆษก พรรคเพื่อชาติ แสดงความคิดเห็นในกรณีที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ระบุ 4 ปี ที่ผ่านมา ประเทศชาติสงบ ต้องระมัดระวังไม่ให้มีปัญหาเกิดขึ้น ชี้การประชุมพรรคการเมือง 7 ธ.ค. หากพรรคไหน ไม่ยอมมาถือว่าไม่เคารพกติกา เปรียบเป็นนักมวยขึ้นเวทีแล้วกรรมการเรียกมาชี้แจงนักมวยเอาแต่ส่ายหน้าไม่ยอมมา จวกไม่มาก็เลิกชกไปเลย ว่า การที่พลเอกประยุทธ์ พูดเช่นนี้ ไม่ได้มองถึงการกระทำที่ผ่านมาของตัวเองหรือ การรัฐประหาร ยึดอำนาจ และการฉีกรัฐธรรมนูญ ก็ถือว่าเป็นการไม่เคารพกติกา ร้ายแรงกว่าไม่เคารพ คือ การทำลายกติกา แล้วเขียนขึ้นมาใหม่ ด้วยวิธีการที่ไม่ยึดโยงกับประชาชน ด้วยข้อจำกัดมากมายจากคำสั่ง คสช. และมาตรา 44 อีกทั้งรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ซึ่งเป็นกติกาที่เอื้อต่อการสืบทอดอำนาจของ คสช. โดยเปิดโอกาสให้สมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช. มีสิทธิร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีได้ด้วย

ดร.รยุศด์ ยังได้กล่าวถึงคำพูดของนายกรัฐมนตรี ที่กล่าวว่า “ใครที่ไม่เห็นชอบ ไม่มา ไม่ยอมมาก็ดูกฎกติกา ก็คิดกันเอาเอง ถ้าไม่มาก็คือไม่ต้องมา แล้วถ้าประชาชนจะเลือกกลับเข้ามาอีกก็ตามใจ ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว ไม่เคารพกติกาเป็นนักมวยขึ้นเวทีแล้วกรรมการเรียกมาชี้แจงนักมวยเอาแต่ส่ายหน้าไม่ยอมมา ถ้าไม่มาก็เลิกชกไปเสีย ประชาชนก็อย่าไปดูและต้องคิดกันเอาเอง” ตนคิดว่า ประโยคนี้ นายกรัฐมนตรีพูดถูกต้องแล้ว ประชาชนมีสิทธิที่จะคิดเอง ว่าใครเหมาะสม ไม่เหมาะสมที่จะมาเป็นผู้แทนของเขา รวมถึงมีสิทธิในการรับรู้ ข้อมูลข่าวสาร นโยบายของแต่ละพรรคการเมืองอย่างเต็มที่ เพื่อนำมาใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจเลือกหรือไม่เลือกใคร ดังนั้นตนขอเรียกร้องให้ หัวหน้า คสช.ปลดล็อคทางการเมืองโดยเร็วที่สุด แบบเต็มที่เหมือนการเลือกตั้งครั้งอื่นๆ รวมถึงขอเรียกร้องให้ พลเอกประยุทธ์ ลาออกจากตำแหน่ง เพื่อมาลงสนามเลือกตั้ง ไม่ควรที่จะยืนอยู่ในฐานะที่เป็น”กรรมการ” ควรจะขึ้นมาเป็น “นักมวย” ขึ้นชก ภายใต้กติกาที่เท่าเทียมกันกับคู่แข่งขันทุกคน เพื่อความสง่างาม ความเป็นลูกผู้ชาย ในการกลับเข้าสู่ตำแหน่งนายกอีกครั้ง หากมั่นใจในผลงานที่ผ่านมาเกือบห้าปีของ คสช. จึงจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้เคารพกติกาอย่างแท้จริง ไม่ใช่เพียงแค่วาทกรรมที่เอ่ยอ้างขึ้นลอยๆ ของนายกรัฐมนตรีในแต่ละวัน