พปชร.เตรียมพื้นที่ภาคกลาง “สุริยะ” ฟุ้ง กวาด ส.ส. 150 ทั่วไทย ชูบัตรคนจน หาเสียง

พปชร.เตรียมพื้นที่ภาคกลาง “สุริยะ” ฟุ้ง กวาด ส.ส. 150 ทั่วไทย อีสานได้ 60 กลาง 40 เหนือสูสี พท. ยอมรับใต้แพ้ ปชป. ชู บัตรคนจน หาเสียง มั่นใจ “บิ๊กตู่” มีจุดแข็งที่ซื่อสัตย์

เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม ที่ห้องแคทลียา โรงแรมรามาการ์เด้นส์ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดสัมมนาแนวการรับสมัครสมาชิกภาคกลาง โดยมีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรค ในฐานะหนึ่งในกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง เป็นประธาน พร้อมด้วยแกนนำพรรค ร่วมชี้แจงได้แก่ นายสุชาติ ตันเจริญ นายอนุชา นาคาศัย นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ และนายวิเชียร ชวลิต นายทะเบียนพรรค มาให้ความรู้ในเรื่องกฎหมายเลือกตั้ง เพื่อเป็นแนวทางในการหาสมาชิกพรรค โดยมีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภาคกลางเข้าร่วมประชุมอาทิ นายอำนวย คลังผา ว่าที่ผู้สมัคร จ.ลพบุรี นายฉลอง เรี่ยวแรง ว่าที่ผู้สมัคร จ.นนทบุรี รวมถึงว่าที่ผู้สมัคร จ.ชลบุรี ที่มายกจังหวัด เป็นต้น โดยก่อนการประชุมมีการถ่ายรูปติดบัตรสมาชิกพรรคด้วย

นายสุริยะ ให้สัมภาษณ์ว่า การประชุมวันนี้เพื่อชี้แจงแก่ผู้ที่จะสมัครรับเลือกตั้ง เกี่ยวกับข้อกฎหมาย ว่าจะทำอย่างไรให้ถูกต้องตามกฎเกณฑ์ ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ได้ระบุไว้ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ แตกต่างจากในอดีต ดังนั้น จึงต้องทำความเข้าใจในกฎเกณฑ์ต่างๆ สำหรับกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ระบุจะไม่จับมือกับพรรค พปชร.จัดตั้งรัฐบาลนั้น เวลานี้พรรค พปชร.ต้องทำนโยบายที่ตอบสนองประชาชน เพื่อให้ได้ ส.ส.มากที่สุด ส่วนการตั้งรัฐบาลนั้น หลังเลือกตั้งแล้ว ไม่มีครั้งใดจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ โดยขณะนี้กระแสของพรรค พปชร.เป็นไปด้วยดี หากผู้สมัครได้ลงพื้นที่อย่างหนัก กระแสของพรรคจะดีขึ้นอีก อย่างไรก็ตาม เราจะลงไปบอกกับประชาชน ว่าจะดำเนินนโยบายอะไร พร้อมรับฟังความต้องการประชาชน เพื่อจัดทำนโยบาย

“ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จากการลงพื้นที่และโพล เราจึงได้ประเมินว่า เราจะได้ ส.ส.150 คนทั่วประเทศ ภาคอีสานจะได้ประมาณ 50 ถึง 60 คน กลาง 40 คน ภาคใต้น่าจะได้ไม่มาก เพราะในอดีตพรรค ปชป.ถือว่ามีจุดแข็ง แต่เราจะพยายามทำให้ดีที่สุด ส่วนภาคเหนือ วันนี้ประชาชนตอบรับดี เชื่อว่าจะได้คะแนนและ ส.ส.สูสีกับพรรคเพื่อไทย” นายสุริยะ กล่าว

เมื่อถามว่าจะนำนโยบายของรัฐบาลมาหาเสียงหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า วันนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะจะมีคนลอกเลียนแบบ แต่ยอมรับว่านโยบายของรัฐบาลจะเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายหาเสียง ควบคู่กับการลงพื้นที่ และถามความคิดเห็นของประชาชน ว่าต้องการอะไร โดยจะนำมาเป็นนโยบายของเรา ในการหาเสียงต่อไป

เมื่อถามถึงกรณีที่ผลโพลของมหาวิทยาลัยรังสิต ที่ความนิยมของพล.อ.ประยุทธ์ สูงขึ้น จะเป็นจุดแข็งของพรรคหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ขณะนี้มีโพลหลายสำนัก และโพลมหาวิทลัยรังสิต ก็เป็นการทำในเบื้องต้น ถ้าวันนี้ผู้สมัครทุกคนสามารถลงพื้นที่และบอกในสิ่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ ทำไว้ให้กับประชาชนได้ เชื่อว่าความนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะสูงขึ้น แต่ขณะนี้ต้องไม่ลืมว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังไม่ตัดสินใจหรือแสดงเจตนาในเรื่องการเมือง แต่มั่นใจว่าคะแนนนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อถามว่ากระแสในพรรคอีสานจะสู้พรรคเพื่อไทย(พท.) ได้หรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า อดีตพรรคไทยรักไทย(ทรท.) และพรรค พท.มี 2 นโยบายในการหาเสียงคือ 30 บาทรักษาทุกโรค และกองทุนหมู่บ้าน แต่รัฐบาลปัจจุบัน มีหลายนโยบายที่มากกว่า 2 เรื่องนี้ ซึ่งพรรค พปชร.เองก็จะมีนโยบายใหม่ๆออกมา ดังนั้นเมื่อประชาชนได้พิจารณา แล้วเห็นว่าดี พปชร.ก็จะได้คะแนนมากกว่าพรรค พท.ส่วนกรณีที่มีการจุดกระแสต่อสู้กันระหว่างประชาธิปไตยและเผด็จการนั้น ที่แล้วมามีความพยายามกล่าวหากันอย่างต่อเนื่อง โดยบอกว่า พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเผด็จการ แต่ประชาชนต้องย้อนกลับไปดูว่าสาเหตุของการเข้ามาปฏิวัตินั้น เพราะการเมืองแบ่งออกเป็น 2 ฝ่าย ทำให้ประชาชนแบ่งเป็น 2 ขั้ว เป็นผลมาจากการที่พรรค พท.ออกกฏหมายนิรโทษกรรมสุดซอย ก่อให้เกิดความขัดแย้งวุ่นวาย จนเกิดจราจล ประชาชนเสียชีวิตและมีการทำลายทรัพย์สิน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ จึงได้ตัดสินใจออกมา หาก พล.อ.ประยุทธ์ ต้องการแสวงหาอำนาจจริง ก็คงจะออกมาเร็วกว่านี้ แต่ได้ให้เวลาพรรคการเมืองแก้ไขปัญหาต่างๆ จนที่สุดแล้วก็ทำไม่ได้และมาวันนี้เมื่อบ้านเมืองสงบ พล.อ.ประยุทธ์ ก็ประกาศที่จะให้มีการเลือกตั้ง วันนี้คือการต่อสู้ระหว่างพรรคการเมือง สู้ด้วยนโยบาย ไม่ใช่สู้เรื่องเผด็จการหรือประชาธิปไตย

เมื่อถามว่ามีการกดดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกจากตำแหน่งเพื่อลงมาสู้ในสนามเลือกตั้ง นายสุริยะ กล่าวว่า เห็นว่ามีการกดดันทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และ 4 รัฐมนตรีในพรรคให้ลาออก แต่อดีตประธาน กกต.ก็ยังระบุชัดว่า ที่ผ่านมารัฐบาลจากการเลือกตั้ง ไม่มีหัวหน้ารัฐบาลชุดใด ต้องลาออก เมื่อหาเสียงเลือกตั้ง ซึ่งยังคงปฏิบัติหน้าที่จนจบ และสมัยที่ตนดูพรรค ทรท.ก็อยู่กันจนครบสมัย ไม่มีการลาออก แต่ก็หาเสียงกันตามปกติ เช่นเดียวกับสมัยพรรค ปชป.ที่เมื่อเป็นรัฐบาล ก็ไม่ได้ลาออกเมื่อจะมีการเลือกตั้ง และเห็นว่ารัฐบาลชุดนี้ยังต้องรับผิดชอบในปัญหาด้านเศรษฐกิจ หากลาออกมาแล้วจะใช้กลไกใดแก้ไขปัญหาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ได้ถึง 4 ปี เพราะมีความซื่อสัตย์ ที่จนมั่นใจว่าเป็นจุดแข็งของ พล.อ.ประยุทธ์

จากนั้นเวลา 10.00 น. นายสุริยะ กล่าวเปิดสัมมนาตอนหนึ่งว่า ตอนนี้รัฐบาล ได้ออกมาตรการเพิ่มสิทธิต่างๆให้ประชาชน ผ่านโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ โดยประชาชนได้ประโยชน์ ทั้งเรื่องค่าน้ำค่าไฟ ให้เงินของขวัญปีใหม่ หากพวกเรานำเรื่องดังกล่าวไปขยายผลในพื้นที่ เชื่อว่าพรรค พปชร.จะได้คะแนนเสียงพอสมควร นอกจากนี้ อยากให้สมาชิกลองไปถามความต้องการของประชาชน ว่าต้องการอะไรเพื่อนำเสนอผู้บริหารพรรค เพื่อทำนโยบายต่อไป

มติชนออนไลน์