นายชลัทชัย ปภัสร์พงษ์ รองประธานจัดงานมอเตอร์เอ็กซ์โป กล่าวถึงบรรยากาศในงานและการตอบรับของกลุ่มลูกค้าผู้ชมงานในช่วง 5 วันแรก ถือว่าดีเกินคาดมีประชาชนให้ความสนใจเข้ามาชมงานรวมทั้งมองหาซื้อรถยนต์คันใหม่เป็นจำนวนมาก

โดยขณะนี้แม้การจัดงานจะยังไม่ถึงครึ่งทาง (แค่ 5 วัน เริ่มวันที่ 29 พ.ย.) แต่เมื่อประเมินจากทราฟฟิกยอดคนเข้าชมงานโดยเฉพาะในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ถือว่าค่อนข้างประสบความสำเร็จ โดยขณะนี้มียอดจองรถยนต์อย่างไม่เป็นทางการกว่า 10,000 คัน มอเตอร์ไซค์อีกเฉียด 3,000 คัน

“ต้องบอกว่ายอดจองที่เกิดขึ้นเกินคาดหมาย เทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปีก่อนโตเพิ่มขึ้นถึง 10% ระหว่างงานยังมีช่วงวันหยุด 5 ธ.ค. ซึ่งตรงกับครึ่งทางของการจัดงานพอดี และวันหยุดยาวก่อนจบงานวันที่ 10 ธันวาคม เป้าที่ตั้งไว้ 13 วัน ตลอดงานยอดจองรถ 45,000 คันจักรยานยนต์ 8,000 คัน เงินสะพัดไม่น้อยกว่า 45,000 ล้านบาท ทำได้แน่นอน”

สำหรับรถที่อยู่ในกลุ่มขายดี 5 กลุ่มหลัก ได้แก่ รถเอสยูวี โดยเฉพาะลักเซอรี่เอสยูวี ไม่น่าเชื่อลัมโบร์กินี อูรุส ราคา 23-25 ล้านบาท มียอดจองในงานไปแล้วถึง 2 คัน และโรลส์-รอยซ์ คัลลิแนน เช่นเดียวกัน

กลุ่มที่ 2 รถยนต์นั่งหรูทั้งแบรนด์ยุโรปและญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผลมาจากก่อนหน้านี้ค่ายรถยนต์มีการส่งรุ่นใหม่ออกสู่ตลาด ทำให้เกิดกระแสความสนใจค่อนข้างมาก กลุ่มที่ 3 กลุ่มรถสปอร์ต อาทิ ปอร์เช่, มาเซราติ, แอสตัน มาร์ติน ฯลฯ กลุ่มที่ 4 รถปิกอัพ และกลุ่มที่ 5 รถยนต์อีวี และปลั๊ก-อิน ไฮบริด ซึ่งผู้เข้าชมงานให้ความสนใจมาก

ส่วนรถยนต์นั่งขนาดเล็กหรืออีโคคาร์นั้นกลับได้รับความสนใจลดลง ทั้งนี้ น่าจะเป็นผลมาจากในช่วงที่ผ่านมา ความต้องการของรถยนต์กลุ่มนี้ได้ถูกดึงออกมาใช้ล่วงหน้าจากโครงการรถยนต์คันแรก ทำให้ตลาดรถประเภทนี้ไม่คึกคักเท่าที่ควรสวนทางกลับกันรถยนต์นั่งขนาดเล็กหรือซิตี้คาร์กลับได้รับความสนใจมากกว่า รวมไปถึงกลุ่มรถยนต์แนวคิดหรือคอนเซ็ปต์คาร์ที่ได้รับความสนใจเช่นเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สาเหตุที่กลุ่มลักเซอรี่คาร์และซีดานทั้งแบรนด์ยุโรปและญี่ปุ่นขายดี เพราะตอนนี้กำลังซื้อไปอยู่กับคนชั้นกลางและชั้นบนมากขึ้น