เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม นายวิญญัติ ชาติมนตรี เลขาธิการสมาพันธ์นักกฏหมายเพื่อสิทธิเสรีภาพ(สกสส.) เเละทีมทนายญาติผู้เสียชีวิต กล่าวถึงความคืบหน้า คดีสลายการชุมนุมปี 2553 ภายหลังศาลมีคำสั่งไต่สวนชันสูตรพลิกศพเเล้วพบว่ามากระสุนปืนมาจากฝั่งเจ้าหน้าที่ทหาร เเต่กลับพบว่าคดียังไม่ได้มีการทำสำนวนฟ้องตัวผู้กระทำให้เกิดการตายต่อศาลทั้งที่ผ่านมาถึง8ปีจนญาติผู้เสียชีวิตมีการวิพากษ์ว่าคดีตกอยู่ในลักษณะประวิงเวลาเนื่องจากมีผู้ใช้อำนาจรัฐเข้าไปเเทรกเเซงว่า

ตามข้อกฎหมาย คดี 99 ศพทั้งหมดที่อยู่กับดีเอสไอเป็นคดีพิเศษ ฟ้องเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติการ โดยนำสำนวนพยานหลักฐานมาจากตำรวจนครบาล ซึ่งดีเอสไอสรุปสำนวนหลักฐานไปยังอัยการสำนักงานคดีพิเศษของสำนักงานอัยการสูงสุด(อสส.) พร้อมด้วยผลการไต่สวนการตายและผลการไต่สวนพลิกศพของผู้ชุมนุมว่า มาจากอาวุธของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัตการตามคำสั่งศาลตั้งนานแล้ว ข้อมูลจากอสส.กับดีเอสไอนั้นจึงไม่ตรงกัน จึงต้องถามว่า แท้จริงแล้วอสส.ได้รับสำนวนมาแล้วรอบหนึ่งก่อนส่งกลับไปให้ดีเอสไอสอบเพิ่มใช่หรือไม่ ตนมีข้อมูลว่า ดีเอสไอได้ส่งสำนวนคดีพิเศษไปยังอสส.แล้วหลายคดี โดยเฉพาะคดีที่ ศาลชี้ผลการไต่สวนการตายและชันสูตรพลิกศพไปแล้ว 21 ศพจาก 99 ศพว่า เกิดจากกระสุนของเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ แต่ทางอสส.ส่งกลับมายังดีเอสไอ

“คำชี้แจงจากอสส.ที่ระบุว่า ยังไม่ได้รับสำนวนทั้งแบบปกติหรือมุมดำนั้น จึงไม่อาจทราบข้อเท็จจริงได้เลยว่า แท้จริงแล้วเป็นอย่างไร กลายเป็นสำนวนมุมดำไปแล้วกี่สำนวน เพราะสำนวนมุมดำจึงเปรียบเสมือนเส้นชัย เนื่องจากตามกฎหมายถ้าไม่พบข้อมูลหลักฐานเพียงพอชี้ชัดว่าใครเป็นผู้กระทำความผิด ก็จะส่งผลให้ เจ้าหน้าที่ทหารระดับปฏิบัติการที่เข้าไปทำหน้าที่สลายการชุมนุม และผู้สั่งการให้สลายการชุมนุมนั้นหลุดจากคดีทันที ทว่าคดีการเสียชีวิตของ น.ส.กมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสา 1 ใน 6 ศพ จากการสลายการชุมนุมกลุ่มนปช. ที่วัดปทุมวนาราม รวมอยู่ในนั้นถือว่า ชัดเจนที่สุด มีทั้งสำนวนพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สำนวนผลการไต่สวนการตาย การชันสูตรพลิกศพจากศาล ว่า เสียชีวิตจากกระสุนของเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติการ ซึ่งมีรายชื่อเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ดังกล่าวครบทั้ง 8 คน อย่างชัดเจน”นายวิญญัติกลา่ว

นายวิญญัติกล่าวอีกว่า ตามขั้นตอน เมื่อสำนักงานอัยการพิเศษ ได้รับสำนวนคดีพิเศษจากดีเอสไอแล้ว ก็จะต้องส่งให้อัยการสูงสุด (อสส.) นำสำนวนสั่งฟ้องต่อศาลต่อไป เนื่องจากเป็นคดีที่การตายเกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐหรือที่เรียกว่าคดีวิสามัญฯซึ่งเป็นอำนาจอัยการสูงสุด เเต่จากความล่าช้าของคดี 99 ศพนี้ จึงอยู่ในชั้นของสำนักงานอัยการคดีพิเศษ สำนวนทั้งหมดยังไม่ถูกส่งต่อให้อสส. เพื่อนำส่งฟ้องศาล ตามที่นางพะเยา หรือแม่น้องเกด ได้ไปทวงถามความล่าช้าที่เกิดขึ้น เมื่อสำนวนทุกอย่างอยู่บนโต๊ะของอธิบดีอัยการสำนักคดีพิเศษของสำนักงานอัยการสูงสุดมาหลายปีแล้ว แต่ไม่ยอมดำเนินการตามขั้นตอนก็อาจเข้าข่ายการละเว้นปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ด้วย ดังนั้นก็ย่อมเป็นหน้าที่ของสำนักงานคดีพิเศษ ในการส่งสำนวนให้อสส.สั่งฟ้องต่อศาลเพื่อหาข้อเท็จจริงตามกระบวนการต่อไป ไม่ใช่ทำให้กลายเป็นสำนวนมุมดำเพื่อยุติคดี โดยคดีนี้มีอายุความ 20 ปี ตอนนี้ผ่านไปแล้ว 8 ปี

ส่วนเหตุผลทางการเมืองที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.)อ้างว่ามีการวิ่งเต้นทำให้คดี 99 ศพจบลงนั้น นายวิญญัติ กล่าวว่า สาเหตุการรัฐประหาร ทุกคนต่างก็ทราบกันดีว่า คดี 99 ศพ ก็เป็นเหตุผลสำคัญประการหนึ่ง เพราะขณะนั้นพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มีตำแหน่งทำหน้าที่ในศอฉ.แต่เมื่อจะมีการเลือกตั้งต้นปี 2562 มีการตั้งพรรคการเมืองหนึ่งขึ้นมา จึงไม่อาจเลี่ยงข้อครหาคดี 99 ศพ ล่าช้าเพราะมีเหตุผลทางการเมืองหรือไม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ สมาชิกพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) และแกนนำนปช. กับ นางพะเยาว์ อัคฮาด มารดาน.ส.กมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสา 1 ใน 6 ศพ จากการสลายการชุมนุมกลุ่มนปช. ที่วัดปทุมวนาราม ได้เดินทางไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อทวงถามความคืบหน้าคดี 99 ศพ ที่ล่าช้ากว่า 8 ปี เมื่อวันที่ 30 พ.ย. และวันที่ 4 ธ.ค. ที่ผ่านมา

ขณะที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ชี้แจงว่าคดี 99 ศพ มีทั้งสิ้น 371 คดี แบ่งเป็น 4 กลุ่มคือ กลุ่มที่ 1 คดีเกี่ยวกับการก่อการร้าย กลุ่มที่ 2 คดีเกี่ยวกับการขู่บังคับให้รัฐบาลกระทำการใดๆ กลุ่มที่ 3 คดีเกี่ยวกับการทำร้ายประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐ สอบสวนเสร็จ 154 คดี อยู่ระหว่างการสอบสวน 15 คดี และกลุ่มที่ 4 คดีเกี่ยวกับการกระทำต่ออาวุธ

ด้านสำนักงานอัยการสูงสุดก็ได้ชี้แจงข้อมูลระบุว่า ในคดีที่ศาลมีคำสั่งว่าการกระทำให้เสียชีวิตเกิดจากฝั่งเจ้าหน้าที่ รวมสำนวน 6 ศพวัดปทุมฯซึ่งสำนวนดังกล่าวยังอยู่ที่ดีเอสไอ ยังดำเนินการอยู่เเละยังไม่ได้ส่งกลับมาอัยการในรูปเเบบไหน ไม่ว่าจะสำนวนมุมดำหรือรูปเเบบปกติ

มติชนออนไลน์