เปิดคำสารภาพคดีโหด ฆ่าหั่นศพอดีต ตร.ยิว แค้นจัดถูกตีท้ายครัว เร่งหาแฟนสาวสาบสูญ

ภาพบนซ้าย-นายเฮลิยาฮู โคเฮน อายุ 63 ปี อดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจอิสราเอล

เป็นอีก 1 คดีอุกฉกรรจ์ที่เกิดขึ้นกับชาวต่างชาติที่มาเที่ยวอยู่ในประเทศไทย

เมื่ออดีตตำรวจใหญ่ชาวอิสราเอล ที่เกษียณอายุราชการเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเกิดหายตัวไปอย่างลึกลับ

ร้อนจนสถานทูตอิสราเอลต้องประสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยเพื่อช่วยคลี่คลายหาตัว

ในที่สุดก็เจอเบาะแสร่องรอยจากเส้นทางการเงิน จนตามไปพบตัวคนร้ายที่ทำให้นายตำรวจใหญ่คนดังกล่าวหายตัวไป

ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเพื่อนร่วมชาติด้วยกันเอง

ในขณะที่ชายคนที่หายตัวก็พบเป็นศพถูกฆ่าหั่นโบกปูนเพื่อซ่อนเร้นอำพราง

แม้ฆาตกรโหดจะเปิดปากรับสารภาพหมดเปลือก แต่ก็ยังมีประเด็นให้ติดตามเพิ่มเติม

โดยเฉพาะแฟนสาวชาวไทยของมือฆ่า ที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นกัน

ว่าตอนนี้มีชีวิตดีอยู่ หรือประสบเคราะห์กรรมอะไรไปแล้ว

พลิกคดีฆ่าหั่นศพ ตร.ยิว

เหตุระทึกขวัญครั้งนี้ปรากฏขึ้นเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เมื่อเจ้าหน้าที่สถานทูตอิสราเอล เข้าพบเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปราม และเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน กก.สส.น.7 โดยระบุว่า นายเอลิยาฮู โคเฮน อายุ 63 ปี อดีตตำรวจใหญ่ชาวอิสราเอล หายตัวไปจากคอนโดมิเนียม ย่านจรัญสนิทวงศ์ พร้อมรถโตโยต้า ยาริส สีบรอนซ์ ทะเบียน ขธ 3926 ชลบุรี ตั้งแต่ช่วงเวลา 10.00 น. จึงไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันคนหายไว้ที่ สน.บวรมงคล

เจ้าหน้าที่จึงไล่ติดตามตรวจสอบตั้งแต่ที่คอนโดมิเนียม เช็กกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเข้าออก และเส้นทางที่นายเฮลิยาฮู ขับรถออกไป ก่อนจะพบข้อมูลว่า นายเฮลิยาฮู นัดพบเพื่อนร่วมชาติ 2 คน ที่เป็นพ่อลูกกัน ที่ร้านอาหารอิสราเอลแห่งหนึ่ง ย่านตรอกข้าวสาร และพบว่าเคยติดต่อกับคนกลุ่มนี้อยู่หลายครั้ง เพราะมักจะมาขอยืมเงิน

พร้อมกันนั้นก็ตรวจสอบเส้นทางทางการเงิน จนพบว่ามีการใช้บัตรเครดิตของนายเฮลิยาฮู ซื้อของหลายรายการ อาทิ ลูกเหม็น ถุงดำ มีดโกนหนวด ที่ห้างสรรพสินค้าย่านรัตนาธิเบศร์ และซื้อกระเป๋าเดินทางที่ห้างแห่งหนึ่งย่านแจ้งวัฒนะ แต่บัตรรูดไม่ผ่าน

เมื่อตรวจสอบพบว่า ผู้ใช้บัตร นายซีมอน บินตัน อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นคนเดียวกับคนที่ไปพบนายเฮลิยาฮู ที่ร้านอาหารย่านถนนข้าวสาร

จึงขออนุมัติศาลจังหวัดนนทบุรี ขออนุมัติหมายค้นเลขที่ 1155/59 ลงวันที่ 12 พฤศจิกายน 2559 เข้าตรวจค้นบ้านเลขที่ 88/167 หมู่บ้านภัทราวรรณ ถนนเทศบาล 2 ต.ละหาร อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี

เมื่อไปถึงละแวกดังกล่าวก็พบรถเก๋งโตโยต้า ยาริส สีบรอนซ์ ทะเบียน ขธ 3926 ชลบุรี จอดอยู่ห่างจากบ้านเป้าหมายประมาณ 10 กิโลเมตร จึงให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบเก็บหลักฐาน ก่อนเข้าบุกจู่โจม ควบคุมตัวนายซีมอน พร้อมลูกชายวัย 17 ที่อยู่ในบ้าน

สอบสวนเบื้องต้นให้การปฏิเสธว่าไม่รู้เห็นเกี่ยวกับการหายตัวไปของนายเฮลิยาฮู แต่เมื่อตรวจสอบภายในบ้านพบคราบเลือดที่บานพับประตูห้องน้ำ จึงตรวจอย่างละเอียด จนได้กลิ่นเหม็นโชยมาจากห้องใต้บันได ใกล้กันมีกล่องใส่ลูกเหม็นจำนวนมากเพื่อดับกลิ่น

%e0%b9%80%e0%b8%ad%e0%b8%a5%e0%b8%b42

นอกจากนี้ ยังมีร่องรอยการก่อปูนโดยใช้อิฐบล็อกต่อสูงกัน และโบกปูนทับตรงใต้บันได จึงทุบปูนดังกล่าวออก ก่อนจะเจอศพถูกห่อด้วยถุงดำ ถูกหั่นเป็น 3 ท่อน ห่อด้วยถุงดำ ภายในเน่าเปื่อยส่งกลิ่นคลุ้งไปทั่วบริเวณ

ตรวจสอบพบว่าเป็นศพของนายเฮลิยาฮู จริงๆ


รับสิ้นไส้-ปมหึงแฟนสาว

จากการตรวจสอบสภาพศพที่ถูกหั่นเป็น 3 ท่อนแยกใส่ถุงดำ พบว่าถุงที่ 1 เป็นส่วนศีรษะ มีร่องรอยฟันที่กลางศีรษะ ถุงที่ 2 เป็นท่อนขาซ้ายสวมถุงเท้าสีดำ และถุงที่ 3 เป็นถุงขนาดใหญ่ ข้างในมีกระเป๋าเดินทางสีเทา ภายในบรรจุชิ้นส่วนลำตัว ติดกับขาขวา

เมื่อจำนนต่อหลักฐาน นายซีมอน ก็เปิดปากรับสารภาพ โดยระบุว่า เป็นเพื่อนร่วมชาติเดียวกันกับผู้ตายจริง โดยวันเกิดเหตุมีการนัดเจอเพื่อเคลียร์ปัญหาหัวใจ เนื่องจากทราบว่านายเฮลิยาฮู มาติดพันภรรยาของตัวเอง

โดยนัดกันที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่ง โดยนายเฮลิยาฮู ขับเก๋งยาริสไป ในขณะที่นายซีมอน ขี่จักรยานยนต์ เมื่อไปเจอกันก็คุยกันไม่รู้เรื่อง จึงบอกว่าให้มาคุยกันต่อที่บ้านย่านบางบัวทอง โดยนายซีมอนจอดจักรยานยนต์ไว้ที่ปั๊มน้ำมัน และนั่งรถเก๋งคันเดียวกันมา

เมื่อถึงบ้าน ก็พูดคุยกันอีกรอบ แต่คราวนี้นายเฮลิยาฮู พูดจาเหยียดหยามศักดิ์ศรี จึงบันดาลโทสะ ชกเข้าที่หน้า 1 ครั้ง และชกเข้าที่ลิ้นปี่อีก 1 ครั้ง จนร่างทรุด สลบเหมือด พอเข้าไปตรวจสอบก็พบว่าชีพจรอ่อน จนหยุดลง จึงต้องหาวิธีซุกซ่อนทำลายศพ

จึงร่วมกับลูกชายวัย 17 ปีไปซื้ออุปกรณ์ซ่อนเร้นทำลายศพที่ห้างสรรพสินค้าย่านรัตนาธิเบศร์ และแจ้งวัฒนะ โดยใช้บัตรเครดิตผู้ตาย จนกลายเป็นหลักฐานย้อนกลับมาพันตัวเองจนดิ้นไม่หลุด

นอกจากนี้ นายซีมอน ยังให้การว่าตัวเองเคยเป็นอดีตตำรวจของอิสราเอลด้วยเช่นกัน แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ เพราะจากการตรวจสอบกับทางการอิสราเอลไม่มีประวัติตามที่กล่าวอ้าง

ขณะที่การตรวจสอบประวัติย้อนหลังของนายซีมอน ก็ไม่ใช่ธรรมดา เมื่อพบว่าเคยก่อคดีฆ่าคนตายในประเทศไทย เมื่อปี 2543 โดยฆ่าเพื่อนชาวอิสราเอลแล้วนำไปทิ้งแม่น้ำแม่กลอง และต้องโทษจำคุก

หลังพ้นโทษออกมาก็ถูกผลักดันกลับไปอิสราเอล แต่สุดท้ายกลับมาอยู่ในประเทศไทยอีก ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ยังมึนงงว่าเข้ามาได้อย่างไร ผ่านช่องทางใดกันแน่

และเมื่อตรวจสอบข้อมูลเมื่อปี 2543 ก็ไม่พบรายละเอียดแน่ชัด ถือเป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบโดยละเอียดต่อไป

ส่วนลูกชายวัย 17 ปี ของนายซีมอนนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจมีหลักฐานเพียงพอดำเนินคดี จึงขออนุมัติหมายจับในข้อหาร่วมกันฆ่า และปิดบังซ่อนเร้นศพ และส่งตัวไปศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง แล้วจึงฝากขังที่สถานพินิจต่อไป

นายซีมอน บินตัน (shimon biton) อายุ50 ปี ผู้ต้องหา
นายซีมอน บินตัน (shimon biton) อายุ50 ปี ผู้ต้องหา

หาต่อหญิงคนสนิทสาบสูญ

ยังไม่จบเพียงแค่นี้ และดูเหมือนจะบานปลายมากขึ้น เมื่อ นายอนันต์ แสงอุไร อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 363/31 แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กทม. เข้าพบ พ.ต.อ.จิรภพ ภูริเดช ผกก.1 บก.ป. เพื่อขอให้ติดตามหายตัว น.ส.นันทิยา แสงอุไร อายุ 37 ปี บุตรสาว ซึ่งเป็นอดีตภรรยาของนายซีมอน ที่หายตัวไปกว่า 1 ปี

เพราะกลัวจะเกิดอันตรายถึงชีวิต

โดยนายอนันต์ เปิดเผยว่า ลูกสาวตนรู้จักนายซีมอน ที่ถนนข้าวสาร เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้ว จากนั้นก็คบหากันจนมีลูกชาย 1 คน ซึ่งก็คือเด็กหนุ่มวัย 17 ปี ที่ถูกจับข้อหาฆ่าพร้อมกับนายซีมอน

จนกระทั่งเมื่อปี 2543 ตอนที่นายซีมอนถูกจำคุก ช่วงนั้น น.ส.นันทิยา ตั้งท้องได้ 3 เดือน และหลังจากที่นายซีมอนพ้นโทษออกมาก็พาลูกชายที่อายุประมาณ 12 ปี กลับไปที่อิสราเอล ก่อนจะกลับมาเมืองไทย จากนั้นก็ทราบข่าวว่าลูกสาวกลับไปคบกันอีกครั้ง

จนกระทั่งมีข่าวว่านายซีมอน ถูกจับกุมข้อหาฆ่า จึงพยายามสอบถามว่าบุตรสาวตนหายไปไหน เพราะไม่กลับบ้านและติดต่อไม่ได้มากว่า 1 ปีแล้ว แต่นายซีมอนบอกว่าลูกสาวตนถูกจับกุมที่ประเทศลาว ในข้อหายาเสพติด แต่เมื่อตรวจสอบไปยังประเทศลาวก็ไม่พบข้อมูลดังกล่าว

เมื่อสอบถามหลานชายก็บอกว่าแม่ถูกพ่อไล่ออกจากบ้าน เพราะไปขโมยเงิน และจากนั้นก็ไม่ได้เจอหน้าแม่มานานมาก ซึ่งเป็นไปไม่ได้เพราะเมื่อปี 2558 น.ส.นันทิยา ยังเป็นคนพาลูกชายไปทำบัตรประชาชนอยู่เลย

จึงวิตกว่าอาจเกิดอันตรายกับลูกสาว ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามช่วยหาความกระจ่างด้วย

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า น.ส.นันทิยา เคยถูกจับคดียาเสพติดในพื้นที่ สน.บางบอน แต่ก็พ้นโทษมาเรียบร้อย อีกทั้งไม่พบว่าเคยเดินทางไปต่างประเทศ มีแต่นายซีมอนและบุตรชายเท่านั้นที่เคยเดินทางไปประเทศลาว

Jpeg