“สนธิรัตน์” จูงใจชาวนาเข้ามาตรการช่วยเหลือ ลั่นให้มั่นใจขายหอมมะลิได้ตันละ2.2หมื่น

“สนธิรัตน์” จูงใจชาวนาเข้ามาตรการช่วยเหลือ ลั่นให้มั่นใจขายหอมมะลิได้ตันละ2.2หมื่น

ที่จังหวัดอุบลราชธานี นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวขณะลงพื้นที่ตรวจติดตามมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว และพบเกษตรกรในอำเภอเขื่องใน ที่เข้าร่วมโครงการตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการดูดซับผลผลิตข้าวเปลือกในช่วงออกสู่ตลาดมาก ว่า

ตั้งแต่รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศได้บริหารจัดการข้าวที่ค้าง สต๊อกจากโครงการรับจำนำข้าวเปลือก จนทำให้ไม่มีผลกระทบต่อราคาตลาดอีกต่อไป รวมทั้งมีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นปี 2561 จึงมีความมั่นใจว่าจะรักษาปีทองของชาวนาสามารถขายข้าวหอมมะลิได้ราคาดีเช่นนี้ต่อไป

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า การดำเนินการในระยะต่อไป รัฐบาลมุ่งหน้าการตลาดนำการผลิต โดยไม่บิดเบือนให้กลไกตลาดเสียหาย และรักษาราคาให้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี โดยจูงใจให้ทั้งห่วงโซ่การผลิตและการค้าข้าวเก็บข้าวไว้ในช่วงออกสู่ตลาด โดยปีฤดูกาลผลิต 2561/62 คณะรัฐมนตรีมีมาตรการช่วยเหลือชาวนาและรักษาเสถียรภาพราคาข้าว

โดยให้ค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพ แก่เกษตรกรทุกรายที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร ไร่ละ 1,500 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 12 ไร่ หรือไม่เกิน 18,000 บาท คิดเป็นรายได้ที่เกษตรกรได้รับต่อตัน 2,500 – 3,750 บาท และ เกษตรกรที่มียุ้งฉางสามารถนำข้าวเปลือกมาร่วมโครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกจะได้รับค่าฝากเก็บตันละ 1,500 บาท

” เกษตรกรจะได้รับประโยชน์จากมาตรการนี้ ตันละ 4,000 – 5,250 บาท เมื่อเกษตรกรนำข้าวเปลือกออกจากยุ้งฉางจำหน่ายจะได้รับราคาสูงกว่าช่วงที่ผลผลิต ออกสู่ตลาดมาก คาดว่าจะได้รับราคาข้าวเปลือกหอมมะลิไม่ต่ำกว่าตันละ16,000 – 17,000 บาท ถือเป็นราคาที่สูงเป็นประวัติการณ์ เมื่อรวมราคาได้ที่เกษตรกรได้รับจากการดำเนินมาตรการในปีนี้ เกษตรกรจะได้รับราคาจำหน่ายข้าวเปลือกหอมมะลิตันละประมาณ 22,000 บาท ”

นายสนธิรัตน์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน ธ.ก.ส. โอนเงินค่าเก็บเกี่ยวเข้าบัญชีเกษตรกรในพื้นที่ที่ไม่ประกาศภัยพิบัติแล้วทุกราย จำนวน 2,054,173 ราย รวม 28,943,604,375 บาท ส่วนกรณีเกษตรกรรายใดไม่มียุ้งฉางเป็นของตนเอง แต่เป็นสมาชิกสถาบันเกษตรกรสามารถ นำข้าวไปฝากเก็บกับสถาบันเกษตรกร ซึ่งเกษตรกรจะได้รับค่าฝากเก็บตันละ 1,000 บาท หรือ หากมีความประสงค์จะสร้างยุ้งฉางเอง สามารถขอรับสินเชื่อเพื่อสร้างยุ้งฉาง โดยรับภาระดอกเบี้ยเพียง 1% ต่อปี

” เมื่อนำข้าวเปลือกมาเข้าร่วมโครงการ ก็จะได้รับค่าฝากเก็บตันละ 1,500 บาทเช่นกัน และเพื่อเป็นการรักษาเสถียรภาพด้านราคาข้าว ได้ดำเนินโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมข้าวและสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสถาบันเกษตรกร และจูงใจให้ผู้ประกอบการค้าข้าวทั่วไปเก็บสต๊อกในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาดมาก ดังนั้นจากมาตรการของรัฐบาลดังกล่าว เกษตรกรชาวนาจึงมั่นใจได้ว่า จะได้รับรายได้จากการจำหน่ายข้าวเปลือกในเกณฑ์สูงต่อไป ” นายสนธิรัตน์กล่าว