ขอบคุณข้อมูลจาก | มติชนออนไลน์ |
---|---|
เผยแพร่ |
ผลการสำรวจคะแนนนิยม ของประชาชนว่าอยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง
รศ.ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต ในฐานะผู้อำนวยการโครงการสำรวจความนิยมของนักการเมืองที่ประชาชนปรารถนาให้เป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2561
วิทยาลัยฯ ได้ทำการรวบรวมประชากรครั้งละ 8,000 ตัวอย่างใน 350 เขตเลือกตั้งใน 77 จังหวัดทั่วประเทศ ตามโครงสร้างของประชากรไทยในปัจจุบันคือ ภาค อาชีพ เพศ อายุ ระดับการศึกษา ฯลฯ ด้วยระดับความเชื่อมั่นทางสถิติ 90% การสำรวจดำเนินการมาแล้ว 4 ครั้ง
คือ ครั้งที่ 1 ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2561 ผลการสำรวจพบว่า ผู้ได้รับคะแนนนิยมจากประชาชนทั่วประเทศมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 29.34% 2) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ 26.24% 3) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 24.74% 4) นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ 10.61% และ 5) นายอนุทิน ชาญวีรกูล 4.54% และอื่นๆ ที่เหลือ 4.53% (ดูตารางที่ 1)
การสำรวจครั้งที่ 2 วันที่ 13 มิถุนายน 2561 พบว่า คะแนนนิยมของประชาชนทั่วประเทศที่อยากได้คนเป็นนายกรัฐมนตรี เรียงตามลำดับดังนี้คือ 1) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 19.34% 2) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 17.31% 3) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ 8.93% 4) นายอนุทิน ชาญวีรกูล 5.68% 5) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ 4.36% และ 6) อื่นๆ ที่เหลือ 37.61% (ดูตารางที่ 2)
ผลการสำรวจครั้งที่ 3 วันที่ 15 ตุลาคม 2561 คะแนนนิยมผู้ที่ประชาชนปรารถนาให้เป็นนายกรัฐมนตรีเรียงตามลำดับ ได้แก่ 1) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 19.62% 2) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 16.91% 3) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ 16.43% 4) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ 14.42% 5) นายอนุทิน ชาญวีรกูล 3.52% และ 6) อื่นๆ ที่เหลือ 29.10% (ดูตารางที่ 3)
ผลการสำรวจครั้งที่ 4 วันที่ 24 พฤศจิกายน 2561 คะแนนนิยมผู้ที่ประชาชนปรารถนาให้เป็นนายกรัฐมนตรีเรียงตามลำดับ ได้แก่ 1) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา 27.06% 2) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ 18.16% 3) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 15.55% 4) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ 9.68% 5) นายอนุทิน ชาญวีรกูล 2.26% และ 6) อื่นๆ ที่เหลือ 27.30% (ดูตารางที่ 4)
ตารางที่ 1 แสดงผู้ได้รับการสนับสนุนให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง แยกตามภาค ครั้งที่ 1 (1 พฤษภาคม 2561)
ภาค | ผู้ได้รับการสนับสนุนให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง | ||||||
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา | คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ | นาอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ | นาสมชาย วงศ์สวัสดิ์ | นายอนุทิน ชาญวีรกุล | อื่นๆ | รวม | |
กรุงเทพมหานคร | 20.08% | 26.12% | 23.25% | 14.40% | 8.25% | 7.90% | 100% |
ภาคกลาง | 43.28% | 20.68% | 20.35% | 11.62% | 3.63% | 0.44% | 100% |
ภาคเหนือตอนบน | 55.62% | 16.71% | 11.32% | 7.18% | 3.37% | 5.80% | 100% |
ภาคเหนือตอนล่าง | 26.70% | 29.95% | 22.50% | 10.97% | 4.83% | 5.05% | 100% |
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน | 29.68% | 31.23% | 20.85% | 10.96% | 4.62% | 2.66% | 100% |
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง | 21.21% | 39.51% | 16.15% | 11.64% | 5.56% | 5.93% | 100% |
ภาคตะวันออก | 24.02% | 25.04% | 29.15% | 12.48% | 4.07% | 5.24% | 100% |
ภาคตะวันตก | 33.90% | 16.30% | 29.82% | 12.77% | 4.02% | 3.19% | 100% |
ภาคใต้ตอนบน | 23.42% | 10.03% | 57.74% | 4.07% | 1.37% | 3.37% | 100% |
ภาคใต้ตอนล่าง | 8.73% | 44.00% | 22.23% | 10.91% | 6.86% | 7.27% | 100% |
รวม | 29.34% | 26.24% | 24.74% | 10.61% | 4.54% | 4.53% | 100% |
หมายเหตุ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เพิ่งเริ่มตั้งพรรคการเมือง จึงยังไม่มีผู้รู้จัก
ตารางที่ 2 แสดงผู้ได้รับการสนับสนุนให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง แยกตามภาค ครั้งที่ 2 (13 มิถุนายน 2561)
ภาค |
ท่านสนับสนุนใครให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง | ||||||
คุณหญิง
สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ |
นายอนุทิน ชาญวีรกุล | นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ | นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ | พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา | อื่นๆ | รวม | |
กรุงเทพมหานคร | 6.80% | 6.57% | 18.28% | 24.20% | 20.72% | 18.88% | 100.00% |
ภาคกลาง | 9.56% | 7.94% | 2.47% | 10.81% | 20.97% | 41.63% | 100.00% |
ภาคเหนือตอนบน | 11.12% | 1.78% | 1.88% | 13.32% | 17.04% | 50.70% | 100.00% |
ภาคเหนือตอนล่าง | 9.00% | 4.20% | 2.83% | 23.85% | 14.93% | 33.34% | 100.00% |
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน | 12.96% | 2.26% | 2.41% | 12.15% | 15.15% | 40.74% | 100.00% |
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง | 11.06% | 8.47% | 4.53% | 16.26% | 14.71% | 38.87% | 100.00% |
ภาคตะวันออก | 9.65% | 6.35% | 2.94% | 20.80% | 22.28% | 36.67% | 100.00% |
ภาคตะวันตก | 5.57% | 10.02% | 2.08% | 19.20% | 21.20% | 31.65% | 100.00% |
ภาคใต้ตอนบน | 2.87% | 1.93% | 2.05% | 39.39% | 12.97% | 40.79% | 100.00% |
ภาคใต้ตอนล่าง | 3.91% | 8.41% | 8.68% | 23.91% | 21.86% | 31.64% | 100.00% |
รวม | 8.93% | 5.68% | 4.36% | 19.34% | 17.31% | 37.61% | 100.00% |
ตารางที่ 3 แสดงผู้ได้รับการสนับสนุนให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง แยกตามภาค ครั้งที่ 3 (15 ตุลาคม 2561)
ภาค |
ท่านอยากสนับสนุนให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง | ||||||
คุณหญิง
สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ |
นายธนาธร
จึงรุ่งเรืองกิจ |
นายอนุทิน ชาญวีรกุล | นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ | พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา | อื่นๆ | รวม | |
กรุงเทพมหานคร | 16.38% | 11.47% | 3.40% | 18.40% | 20.33% | 30.02% | 100.00% |
ภาคกลาง | 11.66% | 14.31% | 5.72% | 10.74% | 25.19% | 32.38% | 100.00% |
ภาคเหนือตอนบน | 17.95% | 15.52% | 1.97% | 11.45% | 22.08% | 31.03% | 100.00% |
ภาคเหนือตอนล่าง | 17.47% | 11.70% | 1.85% | 24.15% | 15.73% | 29.11% | 100.00% |
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน | 12.80% | 14.65% | 7.20% | 2.88% | 20.73% | 41.74% | 100.00% |
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง | 19.59% | 18.33% | 3.83% | 5.59% | 21.44% | 31.23% | 100.00% |
ภาคตะวันออก | 18.13% | 19.20% | 2.91% | 15.96% | 15.59% | 28.20% | 100.00% |
ภาคตะวันตก | 25.13% | 15.60% | 2.75% | 19.53% | 21.25% | 15.73% | 100.00% |
ภาคใต้ตอนบน | 8.78% | 8.62% | 1.04% | 49.64% | 14.53% | 17.39% | 100.00% |
ภาคใต้ตอนล่าง | 17.55% | 7.23% | 1.23% | 38.27% | 11.91% | 23.82% | 100.00% |
รวม | 16.43% | 14.42% | 3.52% | 16.91% | 19.62% | 29.10% | 100.00% |
ตารางที่ 4 แสดงผู้ได้รับการสนับสนุนให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง แยกตามภาค ครั้งที่ 4 (24 พฤศจิกายน 2561)
ภาค |
ท่านสนับสนุนใครให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง | รวม | |||||
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา | คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ | นายธนธร จึงรุ่งเรืองกิจ | นายอนุทิน ชาญวีรกูล | นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ | อื่นๆ | ||
กรุงเทพมหานคร | 31.33% | 21.23% | 4.53% | 0.27% | 31.03% | 11.60% | 100.00% |
ภาคกลาง | 29.08% | 15.98% | 8.98% | 3.08% | 13.88% | 28.99% | 100.00% |
ภาคเหนือ | 26.63% | 21.85% | 9.36% | 2.41% | 13.17% | 26.59% | 100.00% |
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ | 25.76% | 17.65% | 10.79% | 2.28% | 10.42% | 33.10% | 100.00% |
ภาคใต้ | 24.44% | 16.70% | 11.82% | 1.76% | 24.17% | 21.11% | 100.00% |
รวม | 27.06% | 18.16% | 9.68% | 2.26% | 15.55% | 27.30% | 100.00% |
จากผลการสำรวจทั้ง 4 ครั้งแสดงให้เห็นว่า พรรคของนายทักษิณ ชินวัตร (ไทยรักไทย พลังประชาชน และเพื่อไทย) มาถึงจุดที่กำลังตกต่ำเสื่อมโทรมลงเป็นลำดับ ด้วยเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้คือ ประการแรก ในระยะเริ่มต้นของการต่อตั้งพรรคไทยรักไทย พรรคนี้เคยมีผู้ปฏิบัติงานที่มีประสบการณ์สูง (กลุ่มเอ็นจีโอ) ในการทำงานกับประชาชนระดับล่างทั่วประเทศ พวกเขาช่วยรวบรวมปัญหาต่างๆ ของคนระดับรากหญ้าขึ้นมาจนช่วยให้พรรคไทยรักไทยสามารถนำเสนอนโยบายและวาทกรรมที่สำคัญ 2 เรื่องคือ 1) นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคและ 2) นโยบายกองทุนหมู่บ้านที่สามารถเอาชนะพรรคการเมืองทุกพรรคมาโดยตลอดนับตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้น แต่ในปัจจุบันเอ็นจีโอส่วนใหญ่กลับยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามพรรคเพื่อไทย ประการที่สอง พรรคไทยรักไทยและพรรคเพื่อไทยเคยเป็นผู้นำในการนำระบบการสื่อสารที่ก้าวหน้ากว่าและทันสมัยกว่าในการเอาชนะพรรคคู่แข่ง แต่ในขณะนี้พรรคการเมืองอื่นๆ สามารถนำเอาเครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่ (Social Media) เช่น เฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ อินสตราแกรม และไลน์ ฯลฯ มาสื่อสารกับประชาชนได้ไม่แตกต่างจากพรรคเพื่อไทย ทำให้ความได้เปรียบในเรื่องนี้หมดไปประการที่สาม พรรคไทยรักไทยเคยมีนักวิชาการ นักคิดและนักยุทธศาสตร์ที่ทำให้พรรคนี้มีแนวความคิดและนโยบายที่ท้าทายยิ่งกว่าพรรคการเมืองทุกพรรค แต่ทุกวันนี้พรรคเพื่อไทยขาดบุคลากรเหล่านี้ ทำให้พรรคขาดความสามารถในการสร้างนโยบายการเงินการคลังที่เป็นประโยชน์แก่คนในสังคมส่วนใหญ่ได้ หลังจากที่นโยบายจำนำข้าวและนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ 350 บาทต่อวันก่อความเสียหายทางด้านเศรษฐกิจในระดับมหภาคอย่างร้ายแรง และติดตามมาด้วยการพบว่ามีการทุจริตอย่างรุนแรงเรื่องนโยบายจำนำข้าว คนชั้นกลางจำนวนมากได้หมดความเชื่อถือต่อพรรคเพื่อไทยไป ประการที่สี่ พรรคเพื่อไทยในขณะนี้ขาดผู้นำที่มีบารมีและมีภาวะผู้นำที่สูงมากพอที่จะรวบรวมสมาชิกจำนวนมากให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ ภายในกลุ่มที่สนับสนุนนายทักษิณ ชินวัตรเกิดกลุ่มก๊กต่างๆ ที่มีแนวความคิดและการบริหารจัดการที่ยากจะร่วมงานกันได้อย่างราบรื่น และประการสุดท้าย การเกิดขึ้นของพรรคประชารัฐที่กำลังมีอำนาจทางการเมือง และมีนโยบายด้านมหภาคและจุลภาคต่างๆ เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายบัตรคนจนซึ่งมีขอบเขตการให้ประโยชน์แก่คนจนอย่างกว้างขว้าง โดยรวมเอานโยบาย 30 บาท รักษาทุกโรค ผนวกรวมเข้ากับนโยบายอื่นๆ อีก เช่น เบี้ยคนชรา ค่าโดยสารสำหรับผู้ป่วยฯลฯ และพบว่าเป็นนโยบายที่เอาชนะใจกลุ่มคนจนจำนวน 11 ล้านคนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
ผลการสำรวจเปรียบเทียบ
การวิจัยนี้ ดำเนินการโดยวิธีการเก็บข้อมูลแบบการสำรวจ (Survey Research) กลุ่มตัวอย่าง คือ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งในประเทศไทยจำนวน 77 จังหวัดทั่วประเทศ รวมทั้งหมด 8,000 ตัวอย่างต่อครั้ง ผลนี้เป็นผลสำรวจครั้งที่ 1 (1 พฤษภาคม พ.ศ.2561) ครั้งที่ 2 (13 มิถุนายน พ.ศ.2561) ครั้งที่ 3 (15 ตุลาคม พ.ศ.2561) และครั้งที่ 4 (24 พฤศจิกายน พ.ศ.2561) ดังนี้
ตารางที่ 5 แสดงผู้ได้รับการสนับสนุนให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง แยกตามภาค
ครั้งที่ |
ผู้ได้รับการสนับสนุนให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง | ||||||
พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา | คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ | นายอภิสิทธิ์เวชชาชีวะ | นายอนุทิน ชาญวีรกูล | นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ | อื่นๆ | รวม | |
1 (1 พฤษภาคม พ.ศ.2561) | 29.34% | 26.24% | 24.74% | 4.54% | 0.00% | 15.14% | 100.00% |
2 (13 มิถุนายน พ.ศ.2561) | 17.31% | 8.93% | 19.34% | 5.68% | 4.36% | 44.38% | 100.00% |
3 (15 ตุลาคม พ.ศ.2561) | 19.62% | 16.43% | 16.91% | 3.52% | 14.42% | 29.10% | 100.00% |
4 (24 พฤศจิกายน พ.ศ.2561) | 27.06% | 18.16% | 15.55% | 2.26% | 9.68% | 27.30% | 100.00% |
กราฟที่ 1 แสดงผู้ได้รับการสนับสนุนให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง แยกตามภาค
ตารางที่ 6 แสดงถ้ามีการเลือกตั้งในวันนี้ ท่านจะเลือกท่านจะเลือกพรรคการเมืองใด แยกตามภาค
ครั้งที่ |
ถ้ามีการเลือกตั้งในวันนี้ ท่านจะเลือกท่านจะเลือกพรรคการเมืองใด | รวม | |||||
พรรคพลังประชารัฐ | พรรค
เพื่อไทย |
พรรคประชาธิปัตย์ | พรรคภูมิใจไทย | พรรคอนาคตใหม่ | อื่นๆ | ||
1 (1 พฤษภาคม พ.ศ.2561) | 28.82% | 30.48% | 25.71% | 11.31% | 0.00% | 3.68% | 100.00% |
2 (13 มิถุนายน พ.ศ.2561) | 19.11% | 37.94% | 27.18% | 5.60% | 4.93% | 5.24% | 100.00% |
3 (15 ตุลาคม พ.ศ.2561) | 21.93% | 28.32% | 19.77% | 3.54% | 14.43% | 12.01% | 100.00% |
4 (24 พฤศจิกายน พ.ศ.2561) | 26.61% | 23.64% | 19.01% | 2.50% | 8.84% | 19.40% | 100.00% |
กราฟที่ 2 แสดงถ้ามีการเลือกตั้งในวันนี้ ท่านจะเลือกท่านจะเลือกพรรคการเมืองใด แยกตามภาค