‘จาตุรนต์’ ชี้ระบบการเมืองพัง เหตุ คสช.-พรรคพวกทำทุกอย่างหวังสืบทอดอำนาจ

วันที่ 27 พฤศจิกายน 2561 นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคไทยรักษาชาติ เชื่อว่าการย้ายพรรคการเมือง ของนักการเมืองที่เคยอยู่ใน ฝั่งประชาธิปไตย เกิดจากการถูกบีบคั้น และมีความจำเป็นส่วนตัว จึงต้องละทิ้งสิ่งที่ทำอยู่ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา หรือลดความเดือดร้อน

โดยเห็นว่า กระบวนการเหล่านี้ จะเป็นการคัดกรองคน เพราะบางส่วนก็เข้าร่วมการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาในช่วงหนึ่ง และเมื่อมาอีกช่วงหนึ่งก็อาจมีความคิดจิตใจที่ เปลี่ยนไป แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่ จะเป็นเรื่องของการบีบคั้น

นายจาตุรนต์ เห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับพรรคการเมืองนักการเมือง เป็นเพียงส่วนหนึ่ง ของการเมืองที่เกิดขึ้นเท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญคือ การที่ผู้มีอำนาจและคสช. เข้ามาร่างรัฐธรรมนูญออกแบบกติกา เพื่อทำลายพรรคการเมืองและระบบพรรคการเมือง ทำให้อ่อนแอ และสืบทอดอำนาจต่อไป พร้อมตั้งพรรคการเมืองของตนเองขึ้นมาในรัฐบาล และใช้วิธีการในทุกวิถีทาง ใช้วิธีการสารพัดวิชามาร เพื่อให้ได้นักการเมืองเข้าไปร่วมโดยไม่คำนึงว่านักการเมือง นั้นจะเป็นใครอย่างไร ซึ่งเป็นผลให้ภาพของพรรคการเมืองระบบพรรคการเมืองเสียหาย เป็นเรื่องที่ทำการเมืองแบบย้อนยุค ขัดและตรงกันข้ามกับสิ่งที่ ได้พูดว่าจะเข้ามาปฏิรูปการเมืองให้ระบบการเมืองดีขึ้น การเลือกตั้งดีขึ้น

“จนถึงวันนี้ โดยเฉพาะเมื่อสิ้นสุด เงื่อนไขตามกฎหมายหากจะสมัครสมาชิก เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง จะเห็นว่าการเมืองได้ถูกทำลายไป ทั้งก่อนการยึดอำนาจ และหลังการยึดอำนาจ “นี่จึงเป็นบทสรุปขั้นหนึ่งที่ทำให้เห็นว่า คสช.กับพวก ได้ทำลาย ปู้ยี่ปู้ยำ ระบบการเมืองของประเทศไทยอย่างไร เป็นสิ่งที่พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย และประชาชนผู้รักประชาธิปไตย ต้องช่วยกันเพื่อคิดว่าจะทำอย่างไร ไม่ให้ผู้มีอำนาจ ประสบความสำเร็จ ในการสืบทอดอำนาจด้วยวิธีการ ที่มาทำลายระบบการเมือง” นายจาตุรนต์ กล่าว

นายจาตุรนต์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ มีท่าทีว่าจะไม่เป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง แต่จะเข้าไปนั่งในบัญชีนายกฯ เลยนั้นว่า “เป็นช่องทาง ที่ตัวนายกรัฐมนตรีต้องการจะดำเนินการเช่นนี้ ซึ่งได้เขียนรัฐธรรมนูญไว้แล้วว่าไม่จำเป็นต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมือง หรือเป็นคนนอกก็ได้นั่นเอง

“เมื่อเข้ามาแล้ว เมื่อลุยโคลนก็ต้องเปื้อนโคลน หมายความว่า รวมเอานักการเมืองสารพัดแบบ เข้าไปรวมอยู่ด้วยกัน เพียงแต่หวังว่าจะให้เป็นพรรค เพื่อสนับสนุนตนเอง เป็นนายกฯ ตนเองก็จะต้องรับผิดชอบทางการเมือง จากนี้ไปพอปลดล็อค พอไม่มีมาตรา 44 เราก็จะได้เห็นว่าพล.อ.ประยุทธ์ จะทุลักทุเลขนาดไหน จะสึกหรอขนาดไหน อย่างรวดเร็ว เพราะว่าสิ่งที่ทำอยู่ ตรงข้ามกับสิ่งที่โฆษณามาตลอด 4-5 ปี เป็นการกระทำที่ตรงข้ามกับที่พูดตลอด ” แกนนำพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวอีก

นายจาตุรนต์ เชื่อว่าการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นประชาชน จะให้ความสำคัญกับพรรคการเมืองมากกว่าตัวบุคคล เพราะการเมืองไทยได้พัฒนามาไกล คนได้รู้จักพรรคการเมือง นโยบายของพรรคการเมือง โดยเฉพาะกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์จะเข้าไปอยู่ในพรรคการเมืองที่สร้างขึ้นมาในลักษณะเช่นนี้ประชาชนจะเห็นชัดว่าเมื่อเลือกพรรคการเมืองแบบนี้ประเทศก็จะเป็นอย่างที่เกิดขึ้นตลอด 4-5 ปี

ทั้งนี้ นายจาตุรนต์เชื่อว่า การเลือกตั้งที่จะถึงประชาชนจะแบ่งการตัดสินใจเป็น2ทาง คือฝ่ายที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์และฝ่ายที่ไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์