“บิ๊กตู่”มั่น“จำนำยุ้งฉาง”แก้ปัญหาถูกจุด-ไม่ได้จำนำทุกเมล็ด-ไม่เสียค่าเช่าคลัง3พันล้าน

(18 พ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วยพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายรอยล จิตรดอน ผอ.สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำและการเกษตร (สสนก.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิผู้ว่าฯกทม. และนายสัญชัย เกตุวรชัย อธิบดีกรมชลประทาน ลงพื้นที่คลองระพีพัฒน์แยกตก บริเวณประตูน้ำที่ 8 อ.หนองเสือ จ.ปทุมธานี เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ และติดตามการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่การเกษตร พร้อมกับพบปะประชาชนและรับฟังปัญหา โดยมีนายสุรชัย ขันอาสา ผู้ว่าฯ จังหวัดปทุมธานีให้การต้อนรับ

 

โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า “ชาวนาเองต้องปรับวิธีการ ไม่ใช่จะรอแค่รัฐบาลใหม่เข้ามา แล้วรอขายข้าวให้ ได้ราคาที่พอใจ แต่ไม่คิดว่าภาระตกอยู่ที่ผู้อื่น ถ้าคิดแบบเดิม ไม่ว่ารัฐบาลใดเข้ามาก็ไปไม่ได้ เราต้องมาช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้ทุกอย่างเดินหน้าไปได้ ทั้งข้าวเก่าและข้าวใหม่ ถ้าไม่จัดระเบียบก็พังเหมือนเดิม ไม่มีใครกล้าทำเหมือนรัฐบาลนี้ ผมเป็นผู้มอบนโยบาย ต่อไปกระทรวงเป็นผู้ดำเนินงานร่วมกับท้องถิ่น และในส่วนของท้องถิ่น

และว่า “อย่ามัวแต่คิดว่าจะต้องได้งบประมาณมากแล้วพัฒนาเฉพาะของตัวเอง มัวคิดถึงแต่คะแนนเสียง แต่ต้องคำนึงถึงคนอีก 60 กว่าล้านคนว่าจะอยู่อย่างไร วันนี้บางคนไม่เข้าใจว่าทำไมรัฐบาลไม่เอาเงินมาแจกชาวนา แต่ความจริงแล้วเราใช้ไปเยอะ ใช้ในแบบเดียวกันนี้แต่ไม่ผิดกฎหมาย เพราะการจำนำยุ้งฉางไม่ได้เป็นการจำนำทุกเมล็ด เป็นการจำนำในช่วงบางเวลาที่มีปัญหาเท่านั้น จำนำในยุ้งฉางของท่านเอง ไม่ต้องเช่าคลังเก็บ เพราะต้องเสียค่าเช่าคลังกว่าปีละ 2-3 พันล้าน และที่นำออกมาขายก็ทำให้ท่านเดือดร้อนด้วย แต่จะทำอย่างไรได้เพราะเป็นภาระที่ผมรับมา ผมโทษใครไม่ได้เพราะเข้ามารับเอง แต่จะต้องบริหารจัดการตรงนี้ให้ได้ ซึ่งรัฐบาลเท่านั้นที่มีหน้าที่รับผิดชอบปัญหาเก่า แล้วผมจะไปยังไง ขอให้เข้าใจตรงนี้เช่นเดียวกับผม ผมพยายามจะชี้แจง แม้คนจะไม่เข้าใจ แต่ก็ต้องรับผิดชอบต่อไป”

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า “จะเอาแบบเดิมที่มีแค่มาตรการอุดหนุนไปเรื่อยๆ พอตังค์หมดก็เลิกหรืออย่างไร จะเอาแบบรัฐบาลหรือไม่ ซึ่งมีอนาคต แต่อย่าคิดว่าต้องได้เร็วได้ช้า รัฐบาลจะทำให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แม้แต่เรื่องข้าวหอมมะลิคุณภาพแตกต่างกันของแต่ละประเทศ แต่สุดท้ายราคาก็เหมือนกันหมด เป็นมากี่ปีแล้ว ใครทำเอาไว้ที่ไม่ได้แก้ตรงนี้ วันนี้จะแก้ได้หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ ต้องทำให้ราคาเกิดความแตกต่างเพื่อที่จะขึ้นชั้นพรีเมียม”

และว่า “ดังนั้น วันนี้ประเทศไทยต้องเดินสองอย่าง หนึ่ง-ด้านการเกษตร เพราะประเทศไทยเป็นประเทศการเกษตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพัฒนาไว้แล้ว นาก็ต้องทำ ไม่ใช่ให้เลิกทำ แต่อยากให้เปลี่ยนแปลงบ้างในพื้นที่ที่ปลูกไปแล้วเกิดความเสียหาย เช่น ปลูกข้าวหน้าน้ำแล้วน้ำท่วมและคิดว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวรัฐบาลก็เข้ามาช่วยเหลือ ไร่ละเท่าไหร่ก็ยังดี ก็ปลูกกันไปเถอะ แต่ต้องไม่ลืมว่าสิ่งที่ปลูกไปแล้วได้เงินมาทดแทนกับเงินที่เสียไปได้หรือไม่ ทำให้หนี้เพิ่มขึ้นหรือไม่เพราะต้องกู้เงินเขามาปลูก”