เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน เวลา 09.00 น. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมทีมทนาย เดินทางมาศาลฎีกาฯ เพื่อขึ้นสืบพยานฝ่ายจำเลยนัดที่ 7 ในคดีโครงการรับจำนำข้าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย โดยมีบรรดาอดีตรัฐมนตรี แกนนำพรรคเพื่อไทย(พท.) อดีต ส.ส.พรรค พท. อาทิ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายยรรยง พวงราช อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรค นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรค ร่วมให้กำลังใจ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 จำนวน 1 กองร้อย

น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวถึงกรณีกระทรวงพาณิชย์ให้ชดใช้เงินค่าเสียหายจากการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว 35,000 ล้านบาท ว่า ตนเองนั้นได้ยื่นขอให้เพิกถอนคำสั่งแล้ว และยังไม่ได้รับการตอบรับ อย่างไรก็ตาม จะใช้สิทธิทุกขั้นตอนที่มีตามกฎหมาย ซึ่งจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง

เมื่อถามว่า ในส่วนของตัวเลขความเสียหายร้อยละ 80 มีคำถามว่าจะดำเนินการด้วยวิธีการอย่างไร น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า อยากจะขอว่า ในฐานะรัฐที่จะเข้ามาตรวจตรงนี้ก็อยากขอให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกคน และทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกระบวนการของกฎหมาย อย่าเร่งรัด อย่างไรก็ตาม การหว่านแหแบบนี้ก็ไม่แน่ใจว่าจะเป็นผลดีหรือไม่ อาจจะเป็นผลกระทบโดยกว้างมากกว่า

สำหรับกิจกรรมที่ออกมาช่วยชาวนาแต่ถูกมองว่าเป็นเกมการเมือง พร้อมตั้งคำถามว่าจะทำกิจกรรมต่อหรือไม่นั้น เราทำเรารู้ห้ามคนที่มองไม่ได้ แต่ควรมองว่าใครที่ช่วยกันแก้ไขปัญหา มากกว่าจะมาตีเป็นประเด็นการเมือง ควรมาช่วยชาวนาแทนที่จะมาเถียงกัน

กรณีกรรมการร่างรัฐธรรมนูญมีแนวคิดจะแก้ไขกฎหมายเกี่ยวกับการทุจริตซื้อขายตำแหน่งใก้มีโทษถึงขั้นประหารชีวิตนั้น ตนไม่มีข้อคิดเห็น แต่การคิดกฎกติกาต้องให้มันเดินไปได้ อย่ามองจุดเล็กจุดน้อยแล้วมาบังคับใช้กับคนหมู่มาก เพราะมันจะเกิดปัญหาภายหลัง และแก้ไขได้ยาก

ด้านบรรยากาศหน้าศาลมีประชาชนจำนวนมากมารอใก้กำลังใจนางสาวยิ่งลักษณ์ โดยเฉพาะชาวนาจากจังหวัดปทุมที่มาพร้อมหมวกงอบที่เขียนตัวหนังสือว่า “รักปูนะ” พร้อมส่งเสียงใก้กำลังใจตลอดเวลาที่นางสาวยิ่งลักษณ์เดินถ่ายรูปกับประชาชน