เผยแพร่ |
---|
ไม่ว่า นายจาตุรนต์ ฉายแสง ไม่ว่า นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ล้วนจาก พรรคเพื่อไทยมาด้วยดี
ความรัก ความผูกพัน ยังดำรงคงอยู่เหมือนเดิม
“ผมไม่ได้ลาออกจากพรรคเพื่อไทยเพราะขัดแย้งกับแกนนำ หรือใครในพรรค ไม่มีปัญหาความแตกต่างทางอุดมการณ์หรือนโยบาย
โจทย์ของเรา คือ จะหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจได้อย่างไร”
เป็นคำยืนยันจาก นายจาตุรนต์ ฉายแสง อันเท่ากับเป็นการพูดแทนคนอื่นๆที่ออกจากพรรคเพื่อไทยไปอยู่กับพรรคไทยรักษา ชาติ
นี่เป็นเรื่องในทาง”ยุทธวิธี”ขณะที่”ยุทธศาสตร์”ยังคงเดิม
เหตุใดทั้ง นายจาตุรนต์ ฉายแสง ทั้ง นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ และรวมถึงทั้ง นายสุธรรม แสงประทุม และ นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญ กุล จึงเน้นย้ำเหตุผลอย่างเดียวกัน
1 เพราะมีการการโหมประโคมก่อนหน้านี้ว่าพรรคเพื่อไทยระ ส่ำระสาย
เพราะพลานุภาพแห่ง”พลังดูด”
เพราะความขัดแย้งในทางความคิด ในทางการเมืองระหว่าง บางคน บางฝ่าย
ขณะเดียวกัน 1 เมื่อเห็นการไปพบและอำลาของ นายจาตุรนต์ ฉายแสง นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ กับหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคและกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยย่อมทำให้เสียงร่ำลือที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้ยุติลงโดยพื้นฐาน
ยิ่งเมื่อหลายคนในพรรคพลังประชารัฐออกมาประสานเสียงเดียวกันว่า “รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560″เป็นการยกร่างมาเพื่อ”พวกเขา” ยิ่งทำให้มีความจำเป็นต้องเปิด”กลยุทธ์”ตอบโต้
นั่นก็คือ ทำอย่างไรให้ตีฝ่าออกจาก”กับดัก”ที่ดำรงอยู่ภายใน “รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560″นี้ให้ได้
การแยกและแตกตัวจากพรรคเพื่อไทยไม่ว่าจะเป็นพรรคไทยรักษาชาติ ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาชาติ หรือแม้
กระทั่งพรรคเพื่อชาติ จึงมีความจำเป็นเพื่อบอกให้รู้ว่า รู้เท่าทัน และมิได้อยู่นิ่งเฉย
ทั้งหมดนี้เสมอเป็นเพียง “ยุทธวิธี”เพื่อบรรลุ”ยุทธศาสตร์”ต่อกรกับความพยายามสืบทอดอำนาจของคสช.
รู้เขา รู้เรา ร้อยศึกก็บ่พ่าย