“มาร์ค”รอผลสอบ“ถาวร”เปิดบ้านรับ“สุเทพ”ชี้ต้อนรับฉันมิตรได้ แต่ห้ามทำกิจกรรมการเมือง

“มาร์ค” รอผลสอบ “ถาวร”เปิดบ้านให้ “สุเทพ” หาสมาชิกที่บ้าน ชี้ ต้อนรับแบบฉันมิตรได้ แต่ห้ามดำเนินกิจกรรมพรรคการเมืองอื่น

เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการดำเนินการกับนายถาวร เสนเนียม อดีตส.ส.สงขลา ที่เปิดบ้านให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ปราศรัยและรับสมัครสมาชิกพรรค รปช. ว่า ตนได้พูดคุยกับนายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคฯแล้ว โดยให้ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง และตนก็ได้เห็นคำสัมภาษณ์ของนายถาวร ซึ่งต้องบอกว่าการที่มีความคุ้นเคยกัน จะตอบแทนบุญคุณกันเป็นการส่วนตัว ไม่ได้เป็นปัญหา และตามความเป็นจริง ความผูกพันธ์กันระหว่างคนข้ามพรรคก็มีได้ ที่ผ่านมาก็มีสมาชิกพรรคหลายคน เวลามีคนต่างพรรคเข้าไปในพื้นที่ก็ออกไปต้อนรับ ถือเป็นเรื่องปกติ แต่สิ่งที่เราต้องดูว่ามีการไปทำกิจกรรมของพรรคการเมืองอื่นด้วยหรือไม่ ซึ่งตรงนี้จะขัดกับหน้าที่ของสมาชิกพรรค ที่กำหนดไว้ในข้อบังคับพรรค ที่จะสร้างความสับสนให้กับประชาชน รวมถึงสุ่มเสี่ยงต่อการผิดกฎหมาย และเกี่ยวพันไปถึงเรื่องกระบวนการส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง ดังนั้นคงต้องแยกแยะกันให้ออก

“นายสุเทพ และนายถาวร ก็เป็นผู้ใหญ่ทางการเมือง ก็น่าจะทราบดีอยู่แล้วว่าอะไรที่ไปสร้างความสับสนให้ประชาชน เป็นเรื่องไม่น่าทำ ส่วนที่มีการปราศรัยร่วมกันนั้น ตนยังไม่ได้ดูในรายละเอียด เห็นแต่ในคลิปตามข่าว และนายถาวรก็ต้องเข้ามาชี้แจงเรื่องนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น ขณะเดียวกันนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก เตรียมเปิดบ้านต้อนรับนายสุเทพเหมือนกันนั้น ก็อย่างที่ผมบอก เปิดบ้านต้อนรับ ดื่มน้ำกินข้าว ผมไม่มีปัญหา แต่เป็นถ้าทำกิจกรรมของพรรคการเมืองอื่น อันนี้คนละเรื่อง และตนเห็นว่าวันนี้การเมืองจะต้องชัดเจนและตรงไปตรงมา เราเป็นพรรคการเมืองที่ต้องการสร้างแบบอย่างและบรรทัดฐานที่ดี การแยกแยะเรื่องส่วนตัว และเรื่องส่วนร่วมเป็นเรื่องที่สำคัญมาก สำหรับประเทศไทย ไม่เช่นนั้นเราก็จะจมอยู่กับทุกๆอย่างในอดีต”หัวหน้า ปชป.กล่าว

เมื่อถามว่า บทหลังโทษของการฝ่าฝืนข้อบังคับพรรคจะเป็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ว่ากันไปเรามีกระบวนการและขั้นตอนตามข้อยังคับ ว่าจะมีการสอบสวนว่ามีข้อเสนอแนะอย่างไร ซึ่งขอให้มีการตรวจสอบก่อน จากนั้นเมื่อมีการชี้ออกมาแล้ว ว่าเกิดอะไรขึ้น คณะกรรมการบริหารพรรคจะเป็นผู้พิจารณา ส่วนจะถือว่าเป็นรอยร้าวหรือไม่ ตนขอย้ำว่าพรรคต้องมีความชัดเจนในการเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้ง เพื่อทำงานให้กับประชาชน ถ้าเราคิดว่าไม่ต้องเคารพหลักการ และวิธีการทำงานพื้นฐาน เราก็จะเดินไปได้ยากในวันข้างหน้า แต่ทั้งหมดนี้ตนจะต้องขอฟังคำชี้แจงจากเจ้าตัวเขาก่อน ทั้งนี้เชื่อว่าระยะเวลาในการตรวจสอบจะไม่ช้า