“บิ๊กตู่” ฟิต บินถกเอเปกต่อคืนนี้ ที่ปาปัวนิวกินี

เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน พล.ท.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) มีกำหนดการเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก ครั้งที่ 26 ระหว่างวันที่ 16 -18 พฤศจิกายน ณ กรุงพอร์ตมอสบี รัฐเอกราชปาปัวนิวกินี โดยออกเดินทางจากจากท่าอากาศยานทหาร 2 (กองบิน 6) ดอนเมือง เวลา 20.30 น. มีผู้บริหารระดับสูงในคณะรัฐมนตรีเดินทางด้วย ได้แก่ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พล.อ.วิลาศ อรุณศรี เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ผู้ตรวจราชการกระทรวงพาณิชย์ โดยในการประชุมมีหัวข้อหลัก คือ การสร้างโอกาสอย่างครอบคลุมเพื่อเปิดรับอนาคตทางดิจิทัล (Harnessing Inclusive Opportunites, Embracing the Digital Future) โดยมีประเด็นสำคัญ 3 ประการ

1. การพัฒนาความเชื่อมโยงและส่งเสริมการบูรณาการทางเศรษฐกิจในภูมิภาค (Improving connectivity, deepening regional economic integration) 2. การส่งเสริมการเจริญเติบโตอย่างครอบคลุมและยั่งยืน (Promoting inclusive and sustainable growth) 3. การเสริมสร้างการเจริญเติบโตอย่างครอบคลุมผ่านการปฏิรูปโครงสร้าง (Strengthening inclusive growth through structural reform)

พล.ท.วีรชน กล่าวว่า นายกฯ จะเข้าร่วมกิจกรรมหลักภายใต้กรอบเอเปค ดังนี้ การหารือระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจกับสภาที่ปรึกษาทางธุรกิจเอเปค (ABAC) โดยจะใช้โอกาสนี้ในการเน้นย้ำถึงจุดยืนในการสนับสนุนระบบการค้าพหุภาคี การเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบเศรษฐกิจผ่านการปฏิรูปโครงสร้าง การหารือระหว่างผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคกับกลุ่มประเทศหมู่เกาะ (Pacific Island Leaders) เพื่อย้ำความสำคัญของความร่วมมือด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทางทะเล และการสร้างความเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

“การประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ช่วงที่ 1 (Retreat I) ประเด็นหลักของการประชุม คือ Connecting for Inclusive Growth through Digital Future โดยไทยจะใช้โอกาสนี้ร่วมส่งเสริมการบูรณาการทางเศรษฐกิจในภูมิภาคและอนาคตของเอเปก การหารือระหว่างรับประทานอาหารกลางวันของผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปก (Working Lunch) ภายใต้หัวข้อ Promoting Inclusive and Sustainable Growth ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญกับการสร้างทักษะโดยใช้นวัตกรรมขับเคลื่อน และความมั่นคงทางอาหารที่ครอบคลุมและยั่งยืน” พล.ท.วีรชน กล่าว