‘วิษณุ’ชี้พรรคใดครอบงำพรรคอื่น ผิด กม.เข้าข่ายยุบพรรค เตือนแล้ว ระวังกันเอง

“วิษณุ” ชี้พรรคใดครอบงำพรรคอื่น ผิดกฎหมายเข้าข่ายยุบพรรค เตือน 3 องค์ประกอบ การกระทำ-เจตนา-ข้อยกเว้น เผยไม่มีพรรคในดวงใจ แย้มอาจเหลือไม่กี่พรรค

เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ที่ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงการหาเสียงของบางพรรคที่สุ่มเสี่ยงผิดกฎหมาย จะมีการเอาผิดย้อนหลังได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ตอบ วันนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาบอกว่าอะไรถูกอะไรผิด เพราะก่อนหน้านี้ได้เตือนกันแล้ว และไม่ควรจะเตือนอะไรอีกแล้ว ต้องระมัดระวังเอง แต่ละพรรคก็มีนักกฎหมายทั้งนั้น และหลายพรรคก็มีประสบการณ์ในการเลือกตั้ง หากมีปัญหาสงสัยอะไรต้องไปถามคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แต่หากเตือนได้ ตนก็อยากจะเตือนให้ระมัดระวัง มีอะไรเกิดขึ้นเขาไม่ได้ฟ้องร้องกันวันนี้พรุ่งนี้ เขาจะจดเก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน และก็เคยทำกันมาแล้ว ดังนั้น ถ้าไม่เตือนเขาก็รู้

เมื่อถามถึงกรณีสมาชิกพรรคเพื่อไทย (พท.) เดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ประเทศสิงคโปร์ ในทางกฎหมายจะตีความอย่างไร นายวิษณุกล่าวว่า ตนไม่ตีความอะไรทั้งนั้น บางอย่างไม่ควรจะไปมีความเห็นอะไร

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พรรคการเมืองแตกพรรคออกไปตั้งพรรคใหม่ เพื่อแบ่งพื้นที่ส่งผู้สมัคร ส.ส.จะเข้าข่ายการฮั้วการเลือกตั้งหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ถ้าฮั้วกันแล้วเกิดอะไรขึ้น ไม่มีกฎหมายไหนระบุว่าผิด เพียงแต่ว่าแตกพรรคออกไปแล้วอย่าให้ใครมาครอบงำ เนื่องจากกฎหมายระบุไว้ ผู้ใดที่ไปครอบงำพรรคอื่นถือว่ามีความผิด ซึ่งผู้ใดไม่ได้หมายถึง นาย ก นาย ข แต่หมายถึงพรรค X ไปครอบงำพรรค Y ก็ผิดกฎหมายด้วย เมื่อถามว่า กรณีของนายทักษิณที่มีข่าวว่ามาจัดตัวผู้สมัคร ส.ส. ถือว่าครอบงำพรรคที่มาวางตัวผู้สมัครหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ตนไม่รู้ว่าเขาทำอะไรขนาดไหน กฎหมายบอกว่าห้ามครอบงำ ก็ต้องระวังการกระทำที่จะเข้าข่ายการครอบงำ ต้องระวังกันเอง ซึ่งอยู่ที่การพิจารณาของ กกต. และต่อไปก็จะอยู่ที่ศาลด้วย เพราะบางเรื่องไม่ได้จบที่ กกต.

“การจะครอบงำหรือไม่ ต้องดูที่ 3 อย่าง คือ 1.การกระทำว่าทำอะไร ขนาดไหน 2.ดูเจตนา 3.ดูว่าการกระทำนั้นมีข้อยกเว้นอะไรอยู่ที่ไหนหรือเปล่า อาจจะมีข้อยกเว้นอยู่ที่อื่นให้ทำได้ แต่ถ้าองค์ประกอบครบ คือ การกระทำ มีเจตนา และไม่มีข้อยกเว้นให้อำนาจไปทำ ซึ่งบางอย่างมีอำนาจก็เลยเป็นข้อยกเว้น เช่น เรื่องของสุจริต เสรีภาพ การหาเสียงของพลเมืองดี แต่ถ้าไม่มี เจอ 3 ข้อก็ผิด อย่าไปพูดมากเดี๋ยวจะหาว่าไปขู่เขา เพราะผมไม่รู้ ไม่ได้ไปด้วย” นายวิษณุกล่าว

เมื่อถามว่าจำชื่อพรรคการเมืองได้ทั้งหมดหรือยัง มีพรรคในดวงใจที่จะเลือกหรือยัง และจะเล่นการเมืองหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่เล่นการเมือง และยังไม่มีพรรคในดวงใจ รอให้ชัดเจนก่อนว่าจะมีพรรคการเมืองเหลือกี่พรรค เมื่อถามว่าแสดงว่าอาจมีบางพรรคจะถูกสอย ถูกยุบ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่รู้ทุกคนต้องพูดอย่างนั้น อาจจะมี 100 พรรค แต่บางพรรคไม่ส่งตัวผู้สมัคร ซึ่งวันที่ตนประชุมกับพรรคการเมืองครั้งแรก รู้ว่ามีคนตั้งพรรคแต่ไม่ส่งผู้สมัคร อาจเพราะทุนน้อย แต่การตั้งพรรคแล้วไม่มีอะไรก็ถือว่ามีประโยชน์เหมือนกัน เพราะบางทีได้เงินช่วยเหลือกองทุน แต่กฎหมายเขียนแล้วว่า ถ้าไม่ส่งผู้สมัครก็ไม่ให้งบ แต่ถ้าส่งลงนิดหน่อยก็มีโอกาสได้ อย่างในอดีตเคยมีพรรคการเมืองหนึ่ง มี ส.ส.นิดเดียวแต่ได้เงินมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เพราะเขาพิจารณาจากการทำกิจกรรม พรรคใหญ่บางครั้งขี้เกียจทำกิจกรรม เพราะคิดว่าคนรู้จักแล้ว จึงทำให้ไม่มีรายจ่าย ก็จะได้เงินอุดหนุนน้อย แต่พรรคเล็กขยันทำกิจกรรมทุกจังหวัด เขาก็ให้มาก บางทีแค่พิมพ์นามบัตรก็มีค่าใช้จ่าย ฉะนั้นเขาไม่ได้วัดที่สมาชิก แต่ดูที่กิจกรรมเขาให้งบประมาณเพื่อให้ทำประโยชน์ด้านศึกษา ประชาธิปไตย ไม่ได้ให้เพื่อตอบแทนการส่งคนลงสมัคร อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตนตอบไม่ได้ว่ามีหลายพรรคหรือไม่ที่เข้าข่ายการถูกยุบพรรค สื่ออาจจะคิดว่าบางพรรคล่อแหลม แต่ที่จริงแล้วเขาไม่ล่อแหลมอะไร สิ่งสำคัญตอนนี้ คือสื่อกำลังล่อให้ตนพูด