‘อนาคตใหม่’ สยบครหา ‘อีลิตการเมือง’ เผย วินจยย.รับจ้าง-โชเฟอร์แท็กซี่ร่วมชิงไพรมารีโหวต

วันที่ 14 พฤศจิกายน 2561 ที่ห้องประชุมใหญ่คณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ร่วมเสวนาในหัวข้อ “พรรคการเมืองกับท้องถิ่นไทยในอนาคต” โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า การเกิดขึ้นของพรรคการเมืองในประเทศไทยเป็นเรื่องกลับหัวกลับหางไม่เป็นตามหลักสากล เพราะเป็นระบบที่ต้องขอนุมัติ ขออนุญาต ซึ่งมีระเบียบที่วุ่นวายมาก คนที่มีแนวคิดอุดมการณ์ร่วมกันจะก่อตั้งพรรคทำได้ยาก พรรคอนาคตใหม่ต้องใช้เวลาถึง 97 วัน กว่าจะได้รับการอนุมัติเป็นพรรค มีการตรวจสอบรายชื่อบุคคล ส่งไปหน่วยงานต่างๆ ตรวจสอบอีก 10 กว่าหน่วยงาน สาเหตุหนึ่งที่ตั้งยากแต่ยุบง่ายและเป็นระบบอนุมัติแบบนี้ คิดว่า เป็นเพราะกลัวคนที่มีอุดมการณ์ที่รัฐมองว่าร้ายแรง ไม่เป็นอย่างที่รัฐอยากเห็นรวมตัวกัน

ขณะที่หลักสากลนั้นการก่อตั้งพรรคตั้งง่ายแต่ยุบยาก ของเราตั้งยากแต่ยุบง่าย คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ของประเทศไทย เปรียบเหมือนตำรวจพรรคการเมือง คอยสอดส่อง จับผิด อยู่ตลอดเวลา ยิ่งรัฐธรรมนูญปัจจุบัน พรป.พรรคการเมืองขณะนี้มีข้อกำหนดให้พรรคการเมืองต่างๆ ทำเยอะมาก เช่น การต้องมีจำนวนสมาชิกจังหวัดละ 100 คน เป็นอย่างน้อยถึงจะส่งผู้สมัครครบทุกเขตได้ ต้องมีจำนวนสาขาพรรคอย่างน้อย 4 สาขา ซึ่งจังหวัดที่จะตั้งสาขาได้ต้องมีสมาชิกอย่างน้อย 500 คน ต้องทำไพรมารีโหวต เป็นต้น ขณะเดียวกันก็ยังติดคำสั่งของ คสช. ที่ทำให้พรรคการเมืองแทบทำกิจกรรมอะไรไม่ได้เลย

ถามว่ากฎหมายที่ออกมาแบบนี้ทำให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง หรือทำให้พรรคการเมืองทำงานไม่ได้ จนสุดท้ายแล้วต้องยุบสลายหายไปเอง เปิดโอกาสให้กับสิ่งอื่นที่ไม่ได้มาตามระบอบประชาธิปไตยเข้ามายึดอำนาจจัดการ

นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า การเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่ ไม่ได้เริ่มต้นจากฐานคะแนนเสียงว่าจะเป็นคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง แต่คิดจากสถานการณ์บ้านเมืองว่า ต้องมีพลังการเมืองรูปใหม่ขึ้นมาเพื่อเปลี่ยนแปลงความไม่ปกติในขณะนี้

สำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ อายุ 18-25 ปี ที่่เป็นกำลังสำคัญของพรรค สาเหตุเป็นเพราะพรรคอนาคตใหม่เป็นความใหม่ทั้งในแง่ตัวบุคคลและวิธีการทำพรรค ซึ่งล่าสุดที่ได้ตรวจสอบผู้สมัครแข่งขันไพรมารีโหวต เป็นตัวแทนลงสมัคร ส.ส.ของพรรค เราแทบไม่มีอดีต ส.ส.เลย อย่างไรก็ตาม ความสำคัญของคนรุ่นใหม่ ไม่ใช่แค่เพียงคะแนนเสียง แต่คือความหลากหลาย ซึ่งไม่ใช่แค่นิสิต-นักศึกษาเท่านั้น แต่ยังมีแรงงานนอกระบบ มีเกษตรกร

พรรคอนาคตใหม่ต้องการขยายพรมแดนทางการเมืองออกไปให้กว้างมากขึ้น คือแต่ก่อนเวลาพูดเรื่องการเมือง คนมักจะคิดถึงผู้ลงสมัครบ่อยๆ คิดถึงตระกูลการเมืองต่างๆ เป็นกลุ่มก้อนที่เรียกว่าชนชั้นนำทางการเมือง หรือแม้แต่เมื่อเกิดการรัฐประหาร ก็จะมีกลุ่มคนเดิมๆที่มาเป็นรัฐมนตรี เป็น สนช. เป็นเนติบริกร นี่เป็น 2 กลุ่มที่วนเวียนอยู่อย่างนี้ในการเมืองไทย พรรคอนาคตใหม่ต้องการให้คนทุกคนเข้ามามีส่วนร่วม

การไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ ไม่ต้องเป็นตระกูลการเมือง ในแง่ดีของเรื่องนี้ คือ ทำให้การเมืองเป็นเรื่องที่อยู่กับคนทุกๆคน อยู่ในชีวิตประจำวัน เพราะที่ผ่านมา สังคมไทยถูกทำให้เชื่อว่านักการเมืองเป็นคนไม่ดี การเมืองเป็นเรื่องไกลตัว อนาคตใหม่อยากพลิกมิตินี้ว่า การเมืองไม่ต้องเป็นแบบเดิมก็ได้ ต้องเปิดโอกาสให้ทุกๆคนเข้ามา การเมืองไทยจะดีขึ้นโดยอัตโนมัติ

“การเมืองไม่ใช่แค่เรื่องลงสนามเลือกตั้ง แต่อย่างกว้าง คือ การใช้อำนาจในการตัดสินใจสิ่งที่เป็นนโยบายสาธารณะ เป็นสิ่งที่อยู่ในชีวิตประจำวัน ต่อให้เราไม่อยากยุ่งกับการเมือง เดี๋ยวก็มีคนมาจัดการให้ ดังนั้น พรรรคอนาคตใหม่ ต้องการเปิดให้คนที่คิดว่า สิ่งที่เป็นอยู่ตอนนี้ไม่ดี ต้องเปลี่ยนแปลง ได้เข้ามาร่วมกัน เราออกแบบพรรคเปิดกว้างมาก การคัดผู้สมัคร ส.ส. ทุกคนสามารถสมัครได้หมด มีการทำไพรมารีโหวต และให้กรรมการบริหารพรรคเลือกอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งที่ผ่านมาก็มีทั้งคนขับแท็กซี่ คนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง มาสมัครแล้ว ซึ่งเขาบอกว่าไม่คิดว่าจะได้เป็นตัวแทนหรอก แต่เห็นว่าการเมืองเปิดกว้าง วิธีการทำพรรคทำให้คนอย่างพวกเขาได้เข้าร่วมด้วย

ซึ่งนี่คือสิ่งที่เราอยากเห็นสำหรับการเมืองในอนาคต ผมยืนยันว่า พรรคอนาคตใหม่ต้องการปักธงความคิด วิธีการทำการเมืองแบบใหม่ไว้ จะสำเร็จในการเลือกตั้งครั้งนี้หรือไม่เราไม่รู้ แต่จะผลักดันต่อไป” นายปิยบุตรกล่าว