“กกต.”ติวเข้มผู้ตรวจเลือกตั้ง 77 จว. ย้ำ ใช้อำนาจเที่ยงธรรม กล้าหาญ ไม่ถูกครอบงำ

“กกต.”ติวเข้มผู้ตรวจการเลือกตั้ง 77 จว. แนะศึกษากฎหมาย-ระเบียบ ยึดมาตรฐานจริยธรรม-ความสามัคคีเป็นคาถา เผย เตรียมจับฉลากคละ ‪19 พ.ย.‬นี้ ก่อนเริ่มงาน

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ที่อาคารอิมแพ็คฟอรั่ม เมืองทองธานี นายอิทธิพร บุญประคอง ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เป็นประธานในพิธีมอบนโยบายการสัมมนาเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ผู้ตรวจการเลือกตั้งประจำจังหวัด และกรุงเทพมหานคร โดยมีผู้ตรวจการเลือกตั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ ที่กกต.ได้แต่งตั้งไปแล้วก่อนหน้านี้ รวม 597 คนเข้าร่วมสัมมนา โดยนายอิทธิพร กล่าวว่า ครั้งนี้เป็นครั้งแรกของผู้ตรวจการเลือกตั้ง และเป็นครั้งแรกของ กกต.เช่นเดียวกัน เพราะต่างก็ใหม่กันทั้งคู่ ซึ่งตามพ.ร.ป.ว่าด้วยกกต. มาตรา 28 กำหนดให้การเลือก ส.ส. และการเลือก ส.ว.แต่ละครั้งให้กกต.จัดให้มีผู้ตรวจการการเลือกตั้ง เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ที่ทำการเลือกตั้ง ตรวจสอบการกระทำที่ผิดกฎหมายของการเลือกตั้งและพรรคการเมือง หรือการกระทำใดที่จะเป็นเหตุให้การเลือกตั้งไม่ได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม หรือเป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ทั้งนี้ ขอให้แนวทางการปฏิบัติหน้าที่ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีรูปแบบที่เปลี่ยนไปมาก กกต.จึงประเมินว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีความเข้มข้นโดยเฉพาะที่หน่วยเลือกตั้ง ซึ่งจะมีผู้มีสิทธิในหน่วยเลือกตั้งเพิ่มขึ้น ขณะที่กรรมการประจำหน่วยลดลง จึงอยากให้ผู้ตรวจการเลือกตั้งได้เป็นที่ปรึกษาและสร้างขวัญกำลังใจกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้ง และควรทำความรู้จักเครือข่าย กกต. อาทิ ศูนย์ส่งเสริมพัฒนา ประชาธิปไตยและการเลือกตั้งตำบล (ศส.ปชต.) หมู่บ้านไม่ขายเสียง ซึ่งจะเป็นส่วนสนับสนุนการจัดการเลือกตั้งอีกส่วนหนึ่ง

นายอิทธิพร กล่าวต่อว่า ผู้ตรวจการเลือกตั้งหลายท่านมีประสบการณ์เกี่ยวกับการเลือกตั้งมาแล้ว จึงขอให้ศึกษาทำความเข้าใจกฎหมายและระเบียบใหม่ๆให้มากขึ้น ขณะเดียวกันอยากให้ผู้ตรวจการเลือกตั้งยึดถือมาตรฐานจริยธรรมเดียวกันกับกกต. โดยการใช้อำนาจโดยสุจริต เที่ยงธรรม มีความกล้าหาญ ไม่อยู่ภายใต้การครอบงำ ปราศจากอคติ เพื่อเป็นเกราะคุ้มภัยในการทำหน้าที่ของเรา อย่างไรก็ตาม กกต. ผู้บริหารสำนักงานกกต. มีความยินดีและพร้อมสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตรวจการเลือกตั้งทุกท่าน

“อยากให้ข้อคิดผู้ตรวจการเลือกตั้งจังหวัดต่างๆ ทำงานร่วมกันอย่างสามัคคี ขอให้ยึดถือสามัคคีคือพลังเป็นคาถาของเรา ขอให้ทุกท่านใช้ประโยชน์จากความหลากหลายของประสบการณ์มาช่วยเสริมกันและกัน นำประสบการณ์ของแต่ละคนมาหล่อหลอมให้เกิดประโยชน์สูงสุด และในระยะเวลา 5 ปีที่จะมีชื่อในบัญชีเลือกตั้งนั้น อยากให้ผู้ตรวจการเลือกตั้งทำความคุ้นเคยกับพื้นที่อื่นๆนอกจากจังหวัดของตน ซึ่งจะเป็นเรื่องที่สำคัญหากถูกจับฉลากไปอยู่ในพื้นที่อื่น ซึ่ง‪ในวันที่ 19‬ ‪พฤศจิกายน‬นี้ก็จะจับฉลากแล้ว ทั้งนี้การเลือก ส.ว.จะเป็นบทบทสอบบทที่หนึ่ง และการเลือก ส.ส.จะเป็นบททดสอบที่สองของการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตรวจการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตามเชื่อว่าเราจะทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ”ประธาน กกต.กล่าว