“สมาชิกพรรค” ด่านหิน การเมือง 350 เขต คือ จุดแบ่ง ร้อนแรงยิ่ง

คำเตือนจากสำนักงานกกต.ในเรื่องของ “สมาชิกพรรค” มากด้วย ความแหลมคม โดยเฉพาะสำหรับพรรคที่ประกาศจะส่งผู้สมัคร 77 จังหวัดทั่วประเทศ

นั่นก็หมายถึง 350 เขต

นั่นก็หมายความว่าจะต้องมีสมาชิกพรรคจังหวัดละ 101 คน จำนวนที่ปลอดภัย คือ ควรมีสมาชิกพรรคไม่น้อยกว่า 8,000-10,000 คน

เท่ากับเป็นการชี้และแสดงให้เห็นว่าระบบ “สมาชิกพรรค” มีบทบาทและความสำคัญเป็นอย่างสูง

ในขณะที่ฐานข้อมูลจากสำนักงานกกต. ณ วันที่ 13 พฤศจิกายน ระบุข้อมูลสมาชิกพรรคมีอยู่เพียง 120,000 คน

ประมวลจากพรรคใหญ่ พรรคกลาง พรรคเล็ก

ความหมายของพรรคการเมืองที่ประกาศและยืนยันจะจัดส่งผู้สมัครครบทั้ง 350 เขตทั่วประเทศ

มิได้อยู่ที่ 1 ต้องมีสมาชิก 10,000 คนขึ้นเท่านั้น

หากแต่ที่สำคัญเป็นอย่างสูง 1 คือ ภายใน 77 จังหวัดทั่วประเทศจะต้องมีสมาชิกพื้นฐานอยู่จังหวัดละ 101 ขึ้น

เท่ากับ 101 คนนี้คือตัวแทนของจังหวัดนั้นๆ

ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ หากประกาศและยืนยันจะดำเนินการตามระบบไพรมารีโหวต จำนวน 101 คนตรงนี้แหละจะสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นไปได้

ขณะเดียวกัน จำนวนสมาชิกพรรค 8,000 ถึง 10,000 คนของแต่ละพรรคต้องมีความเป็นมาจากการเสียค่าบำรุงพรรคอย่างเป็นหลักเป็นฐานด้วย

ความจริงจังในเรื่องฐาน “สมาชิกพรรค” จึงจะเป็นปัจจัยชี้ขาดทิศทางของแต่ละพรรคได้อย่างเป็นรูปธรรม

ภายในวันที่ 26 พฤศจิกายน นี้จะมีความแจ่มชัด

จากเดือนพฤศจิกายนไปยังเดือนธันวาคมจึงเป็นหมุดหมายที่ร้อน แรงยิ่งในทางการเมือง

สถานการณ์จะค่อย “เคลียร์” แต่ละพรรคออกมา

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรรคที่ประกาศและมาดหมายว่าจะส่งผู้ สมัครส.ส.ตามเป้าหมาย 350 เขตทั่วประเทศว่ามีความเป็นไปได้ มากน้อยเพียงใด

เพราะหมายถึงจำนวนสมาชิก เพราะหมายถึงจำนวนเงินทุน