“บิ๊กตู่”โชว์วิสัยทัศน์วงอาเซียน ไทยทุ่มโครงสร้างพื้นฐานอีก 5 ปี 9.3 หมื่นล้านเหรียญ

“บิ๊กตู่” โชว์ วิสัยทัศน์แก่นักลงทุนอาเซียน ไทยทุ่มโครงสร้างพื้นฐานอีก 5 ปี 9.3 หมื่นล้านเหรียญ พร้อมนั่งประธานปีหน้า

เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) พร้อมคณะ ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง ไปยังท่าอากาศยานชางงี เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 33 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ณ สาธารณรัฐสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 13 – 15 พฤศจิกายน

จากนั้นเวลา 12.40 น. ที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมมารีนา เบย์ แซนด์ ประเทศสิงคโปร์ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ในการประชุมสุดยอดธุรกิจและการลงทุนอาเซียน (ASEAN Business and Investment Summit :ABIS) ในหัวข้อ “Business and Investment in Thailand and ASEAN” ตอนหนึ่งว่า หัวใจสำคัญของการเติบโตทางธุรกิจและการลงทุนของอาเซียน ก็คือ การก้าวเข้าสู่การเป็นหนึ่งเดียวและเชื่อมโยงกันภายในภูมิภาคอย่างไร้รอยต่อโดยสมบูรณ์ ซึ่งจะส่งเสริมให้เกิดความสามารถในการแข่งขัน สนับสนุนให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม และสร้างความรู้สึกเป็นประชาคมเดียวกันมากยิ่งขึ้น ความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียนนี้ จะเป็นปัจจัยพื้นฐานสนับสนุนการดำเนินงานภายใต้เสาการเมืองและความมั่นคง เสาเศรษฐกิจ และเสาสังคมและวัฒนธรรมของประชาคมอาเซียนให้กลายเป็นหนึ่งเดียวได้ โดยแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน ค.ศ. 2025 (Master Plan on ASEAN Connectivity 2025: MPAC 2025) มียุทธศาสตร์หลัก 5 ประการที่เน้นย้ำในเรื่องการสร้างความเชื่อมโยง ได้แก่ โครงสร้างพื้นฐานที่ยั่งยืน (Sustainable Infrastructure) นวัตกรรมดิจิทัล (Digital Innovation) การขนส่งแบบไร้ร่อยต่อ (Seamless Logistics) ความเป็นเลิศด้านระเบียบข้อบังคับ (Regulatory Excellence) และการเคลื่อนย้ายบุคลากร (People Mobility) เพื่อที่ประเทศสมาชิกอาเซียนทุกประเทศจะได้นำยุทธศาสตร์ดังกล่าวไปดำเนินการเพื่อพัฒนาประเทศให้มุ่งไปสู่จุดหมายเดียวกัน และนำไปสู่อาเซียนที่ไร้รอยต่อ (Seamless ASEAN) นอกจากนี้ อาเซียนจะต้องเชื่อมโยงภูมิภาคอื่น ๆ เพื่อให้เกิดพลวัตทางเศรษฐกิจ ซึ่งแนวทางที่ไทยพยายามผลักดัน คือ การเชื่อมโยงยุทธศาสตร์ความเชื่อมโยงต่าง ๆ ในภูมิภาคและอนุภูมิภาค ซึ่งรวมถึง ACMECS ด้วย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ประเทศไทย ได้นำแผนแม่บทการปฏิรูป 3 ด้านหลักๆมาใช้ 1.การปฏิรูปกฎหมายและอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ ช่วยลดขั้นตอน (Procedure) ลดระยะเวลาในการให้บริการ (Time) และลดต้นทุนของผู้ประกอบการ (Cost) ได้ทุกด้าน รัฐบาลไทยมีความมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าพัฒนาและปรับปรุงการให้บริการในการประกอบธุรกิจ ให้เป็นไปในทางที่ดียิ่งๆขึ้น จากผลการจัดอันดับความยาก-ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลกปี 2019 ประเทศไทยยังอยู่ใน 30 อันดับแรกจาก 190 ประเทศ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า 2.การผลักดันประเทศด้วยนวัตกรรมดิจิทัล ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุค เศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและสร้างรายได้ให้กับประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการ MSMEs สามารถเติบโตได้ด้วยการค้าออนไลน์ ส่วนรายใหญ่ก็สามารถใช้ประโยชน์จากบิ๊กดาต้า (Big Data) และปัญญาประดิษฐ์ นอกจากนั้น ในส่วนของรัฐบาลไทย การบริหารกิจการภาครัฐกำลังขับเคลื่อนเข้าสู่ยุครัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์โดยสมบูรณ์เพื่อช่วยให้ทุกภาคส่วนเข้าถึงบริการของภาครัฐได้ดียิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน ประเทศไทยก็ได้ให้ความสำคัญกับการเพิ่มการให้บริการดิจิทัลเพื่ออำนวยความสะดวกให้ภาคธุรกิจ ปรับปรุงการให้บริการ รวมถึงการพัฒนาบริการดิจิทัลยุคใหม่

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า 3.ส่วนของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ ซึ่งรัฐบาลไทยได้จัดสรรงบประมาณในการพัฒนาการขนส่งและโลจิสติกส์ ในช่วง 5 ปีข้างหน้าประมาณเก้าหมื่นสามพันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเกินหนึ่งในสาม (ประมาณสามหมื่นหกพันล้านเหรียญสหรัฐ) เป็นการลงทุนภายในพื้นที่อีอีซี เพื่อเชื่อมโยงและรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรม โดยจะมีโครงการสำคัญๆ ประกอบด้วย โครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการขยายท่าเรือน้ำลึก โครงการสนามบินและเมืองการบิน รวมถึงศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการร่วมทุนระหว่างรัฐและเอกชน (Public Private Partnership: PPP) นายกรัฐมนตรีใช้โอกาสนี้เชิญภาคเอกชนมาร่วมลงทุนในโครงการต่างๆ โดยเฉพาะในพื้นที่อีอีซี และเมื่อโครงการเหล่านี้สำเร็จลุล่วงก็จะทำให้การเชื่อมโยงโลจิสติกส์กับประเทศในภูมิภาคอาเซียนแข็งแกร่งยิ่งขึ้น

“ประเทศไทยได้รับเกียรติอย่างสูงที่จะดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปี 2019 ต่อจากประเทศสิงคโปร์ เราจะดำเนินการสานต่อการเชื่อมโยงระหว่างอาเซียนทั้งในภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ธุรกิจและการลงทุนของภูมิภาคอาเซียนและให้อาเซียนเป็นเป้าหมายที่โดดเด่นในด้านการค้าการลงทุนสำหรับนักธุรกิจและนักลงทุนทั่วโลก พร้อมทั้งเชิญชวนภาครัฐและเอกชนมาร่วมประสานจุดแข็งและศักยภาพเพื่อมุ่งสู่อาเซียนที่เป็นหนึ่งเดียว อาเซียนที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าด้วยกันอย่างเข้มแข็ง ยั่งยืนและครอบคลุม และอาเซียนที่จะเป็นพลวัตขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจโลก โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และมองไปสู่อนาคต” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว