สรุปข่าวต่างประเทศ : ผลกระทบการคว่ำบาตรอิหร่าน / เหตุระทึก! ที่ฮ่องกง / เลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯ

อิหร่าน

เตหะราน – สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประธานาธิบดีฮัสซัน รูฮานี ของอิหร่าน ประกาศอย่างท้าทายที่จะเดินหน้าขายน้ำมันดิบของอิหร่านต่อไป หลังจากเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐอเมริกาภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ นำมาตรการคว่ำบาตรกลับมาบังคับใช้กับอิหร่านอีก หลังจากก่อนหน้านี้สหรัฐได้ระงับการใช้มาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวกับอิหร่านไป หลังการบรรลุข้อตกลงนิวเคลียร์ร่วมกันได้ในปี ค.ศ.2015 โดยผู้นำอิหร่านกล่าวว่า อิหร่านภูมิใจที่จะฝ่าฝืนการคว่ำบาตรของสหรัฐ ขณะที่นายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ที่เป็นผู้แถลงถึงรายละเอียดการกลับมาคว่ำบาตรอิหร่านของสหรัฐกล่าวว่า สหรัฐจะเดินหน้ากดดันอิหร่านอย่างไม่หยุดยั้งจนกว่าอิหร่านจะปฏิวัติการกระทำที่นอกกฎหมายของตนเอง และหันมาปฏิบัติเป็นเหมือนประเทศปกติทั่วไป ไม่เช่นนั้นแล้วอิหร่านจะได้เห็นเศรษฐกิจของตนเองล่มสลาย

ทั้งนี้ ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรอิหร่านที่รัฐบาลทรัมป์นำกลับมาบังคับใช้อีกครั้งจะมีผลต่อบุคคลและบริษัทต่างๆ รวมกว่า 700 รายที่อยู่ในบัญชีคว่ำบาตรของสหรัฐ ซึ่งยังรวมถึงสถาบันการเงิน ธนาคาร บริษัทน้ำมันและบริษัทเดินเรือของอิหร่านด้วย อย่างไรก็ดี ในการคว่ำบาตรการค้าน้ำมันอิหร่าน รัฐบาลสหรัฐยังยอมยกเว้นให้ 8 ชาติ ได้แก่ จีน อินเดีย อิตาลี กรีซ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวันและตุรกีทำการซื้อน้ำมันจากอิหร่านต่อไปได้เป็นการชั่วคราว โดยจีนและอินเดียนับเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของอิหร่าน


ฮ่องกง

ฮ่องกง – สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน เกิดเหตุชายรายหนึ่งชักอาวุธมีดยาว 6 นิ้วออกมาขู่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลางสถานีรถไฟใต้ดินซัมสุ่ยโปในฮ่องกง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องลั่นกระสุนยิงเข้าใส่ชายคนดังกล่าวจนได้รับบาดเจ็บ ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนักในฮ่องกงที่ตำรวจยิงผู้ต้องสงสัย ขณะที่การครอบครองอาวุธในที่สาธารณะเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย จากการเปิดเผยของผู้บังคับการตำรวจฮ่องกงกับผู้สื่อข่าวหลังเกิดเหตุว่า ชายผู้ต้องสงสัยรายนี้มีบัตรประจำตัวประชาชนเป็นชาวฮ่องกง ได้ชักมีดยาว 6 นิ้วออกมาจากกระเป๋าเป้ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการตรวจเช็กด้านความปลอดภัยตามปกติ หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ร้องเตือนแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจหญิงนายหนึ่งก็ได้ยิงปืน 1 นัดเข้าใส่ชายผู้ต้องสงสัยรายนี้ เนื่องจากเห็นว่าตนเองตกอยู่ภายใต้ภัยคุกคาม ซึ่งกระสุนฝังเข้าที่ท้องของผู้ต้องสงสัยทำให้ได้รับบาดเจ็บ จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำตัวผู้ต้องสงสัยส่งโรงพยาบาลเพื่อทำการรักษา ก่อนจะดำเนินการสอบสวนต่อไป เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุใดเจ้าหน้าที่ถึงต้องยิงในช่วงเวลาเร่งด่วนที่มีผู้คนหนาแน่นในสถานีรถไฟใต้ดิน ผู้บังคับการตำรวจฮ่องกงชี้แจงว่า เนื่องจากผู้ต้องสงสัยมีอาวุธมีคมที่เป็นภัยคุกคามและพยายามที่จะโจมตีเจ้าหน้าที่ในที่เกิดเหตุ จึงเห็นสมควรที่จะจัดการโจมตีเป้าหมายก่อน จึงตัดสินใจยิง

AFP

สหรัฐอเมริกา

วอชิงตัน – สำนักข่าวต่างประเทศรายงานการเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐอเมริกาที่มีขึ้นเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจำนวนทั้งสิ้น 435 ที่นั่ง สมาชิกวุฒิสภาหรือซีเนตจำนวน 35 ที่นั่งจากทั้งสิ้น 100 ที่นั่ง และการเลือกตั้งผู้ว่าการรัฐใน 36 รัฐจาก 50 รัฐ เบื้องต้นผลปรากฏว่าพรรคเดโมแครตเป็นฝ่ายชนะ พลิกกลับมาครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรจากเดิมที่พรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมากในทั้งสองสภา โดยการคาดคะเนของสื่อกระแสหลักอย่างสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสชี้ว่าพรรคเดโมแครตจะชนะได้เพิ่มกว่า 23 ที่นั่งตามที่ต้องการในการจะได้กลับมาครองเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะทำให้การตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจรัฐบาลภายใต้การนำของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดี เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ดี ในส่วนของสภาซีเนต ผลปรากฏว่าพรรครีพับลิกันเป็นฝ่ายชนะได้ครองเสียงข้างมากต่อไป จากที่ปัจจุบันพรรครีพับลิกันครองเสียงอยู่ 51 ต่อ 49 ที่นั่ง หลังจากในรัฐสำคัญที่เป็นที่จับตาว่าพรรคเดโมแครตอาจจะสามารถช่วงชิงที่นั่งมาได้อย่างรัฐเท็กซัส ปรากฏว่านายเท็ด ครูซ วุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกันยังคงรักษาเก้าอี้ไว้ได้ หลังจากนายเบโท โอรูก ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครตที่ถือเป็นดาวรุ่งไม่สามารถเอาชนะได้ นอกจากนี้ยังมีรายงานผู้สมัครที่สร้างประวัติศาสตร์ให้กับวงการการเมืองสหรัฐ เช่น อเล็กซานเดรีย โอคาซิโอ-คอร์เตซ ผู้สมัคร ส.ส.หญิงจากพรรคเดโมแครตในเขตเลือกตั้งที่ 14 ในนิวยอร์ก กำลังจะกลายเป็นสมาชิกสภาคองเกรสที่อายุน้อยที่สุดที่ได้รับเลือกตั้งเข้าสู่สภาด้วยอายุ 29 ปี ขณะที่อิลฮาน โอมาร์ และ ราชิดา ทลาอิบ ผู้สมัครจากพรรคเดโมแครต จะเป็นสองหญิงมุสลิมรายแรกในประวัติศาสตร์สหรัฐที่ได้รับเลือกเข้าสู่สภา

เช่นเดียวกับนายจาเร็ด โพลิส ที่กำลังจะเป็นผู้ว่าการรัฐคนแรกจากรัฐโคโลราโดที่เปิดเผยตัวว่าเป็นเกย์