สรุปข่าวในประเทศ : รบ.ลั่น!ไทยนิยมไร้สิ่งผิดปกติ / แจงปลดล็อกการเมือง / “เสี่ยตือ” โพสต์เพราะรักต้องลา ชทพ.

ประยุทธ์แจงปลดล็อกการเมือง รอกฤษฎีกาเลือกตั้ง ส.ส. ธ.ค.นี้

เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานการประชุม คสช. และให้สัมภาษณ์ภายหลังจากนั้นว่า ได้หารือกันหลายประเด็น ได้เน้นย้ำกับ คสช.ดูแลความสงบเรียบร้อยเพื่อเดินหน้าสู่การเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และทุกอย่างเป็นเรื่องของ กกต. จะต้องดำเนินการตามกฎหมายที่มีอยู่ ส่วนการปลดล็อกนั้น เป็นไปตามกฎหมายอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับ คสช. แต่เกี่ยวกับกฎหมายต่างๆ ที่ออกมา ฉะนั้น จะต้องมีพระราชกฤษฎีกาการเลือกตั้ง ส.ส. ออกมาในเดือนธันวาคมนี้ จึงจะไปพูดคุยหารือเรื่องปลดล็อกได้ ตรงจุดนี้ไม่ได้เป็นเพราะ คสช.

“เรื่องปลดล็อกการเมือง บอกแล้วไม่ต้องกังวล เป็นไปตามกฎหมายทุกประการ ไม่ใช่ว่า คสช.จะไปทำอะไรที่มันบิดเบือน” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว

“เสี่ยตือ” โพสต์เพราะรักต้องลา ชทพ. ลูกชายสองคนให้ตัดสินใจเอง

เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎรและรองหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว Somsak Pris ระบุว่า ลาก่อน… เพราะรักจึงต้องลา ไม่เคยคิดว่าชีวิตจะต้องมีวันนี้ บ้านที่ให้ทุกสิ่งทุกอย่าง บ้านที่เป็นทั้งชีวิต วิญญาณ และลมหายใจ เมื่อรู้ว่าจะทำให้บ้านต้องมีปัญหา เพราะตัวเรา เราต้องเลือกรักษาบ้าน ยอมเสียสละอวัยวะ เพื่อรักษาชีวิต 32 ปีกับบ้านที่แสนอบอุ่น ลาก่อน เพราะรัก…จึงต้องลา จากสองเก้า ถึงหกหนึ่ง ซึ้งทุกรส ได้จารจด ความทรงจำ อันล้ำค่ามีวันนี้ เพราะมี “ศิลปอาชา” ดินกลบหน้ากี่ร้อยชาติ มิอาจลืม

นายสมศักดิ์ให้สัมภาษณ์ภายหลังได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเชิงขออำลาจากพรรคชาติไทยพัฒนา ว่า ตนไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา ดังนั้น จึงไม่มีคำว่าลาออก อีกทั้งผมเป็นคนไม่มีสถานะหลังจากที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองแล้ว เมื่อช่วงนี้มีข่าวหนาหูว่าพรรคเพื่อไทยอาจถูกยุบ จึงกลัวว่าถ้าตัวเองเข้าไปมีบทบาทอะไรมากจนทำให้คนเข้าใจผิดว่าเราไปยุ่มย่ามทั้งๆ ที่ผมไม่เคยเข้าไปยุ่มย่ามอะไรกับพรรคชาติไทยพัฒนา ก็กลัวคนจะมองแล้วเข้าใจผิดไป จึงไม่อยากให้พรรคเดือดร้อน ดังนั้น จึงขอไปเองดีกว่า กลัวพรรคจะเดือดร้อน ส่วนลูกชายสองคนจะตัดสินใจเดินทางการเมืองอย่างไรก็ต้องแล้วแต่ ตนไม่ก้าวก่าย

กกต.อนุมัติแล้วพรรคพลังประชารัฐ “สมศักดิ์” นำสามมิตรเข้าพรรค 18 พ.ย.

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรองการตั้งพรรค พปชร.แล้ว ส่วนบทบาทการทำงานต่อไป ยังไม่ขอเปิดเผยในขณะนี้ เพราะยังอยู่ในเวลาราชการ ขอให้ติดตามต่อไปว่าจะตัดสินใจลาออกในช่วงเวลาที่เหมาะสมตามที่เคยบอกไว้เมื่อใด

ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร กล่าวว่า การเดินสายพบปะประชาชนนั้นมีความประทับใจมาก ทุกพื้นที่มีประชาชนให้การต้อนรับอย่างหนาแน่นและให้กำลังใจกันอย่างล้นหลาม และมั่นใจว่าจะทำงานให้กับประชาชนได้อย่างเต็มกำลังความสามารถ โดยจะนำประสบการณ์ที่สั่งสม ที่พบเจอ กำหนดเป็นนโยบายเสนอพรรคการเมือง และเป้าหมายเป็นที่ทราบดีอยู่แล้วคือ พรรค พปชร. ตอนนี้ต้องรอความเรียบร้อยของพรรคเท่านั้น ทั้งนี้ ภายหลังคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้รับรองพรรคพลังประชารัฐแล้ว จากนี้ก็จะเข้าสู่กระบวนการสมัครสมาชิกพรรค และเตรียมเดินหน้าลงพื้นที่พบปะประชาชนอย่างเต็มที่ เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็น อย่างไรก็ตาม กลุ่มสมาชิกสามมิตรได้เตรียมผู้สมัครเรียบร้อยแล้ว และจะเข้าไปที่พรรคพลังประชารัฐเพื่อสมัครเป็นสมาชิก โดยการประชุมใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐคาดว่าจะจัดขึ้นที่โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล ในวันที่ 18 พฤศจิกายน เนื่องจากยังไม่สามารถใช้ที่ทำการพรรคย่านประชานุกูลได้ เพราะยังอยู่ระหว่างการต่อเติมอาคารให้สมบูรณ์

ลั่นไทยนิยมไร้สิ่งผิดปกติ

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงผลการดำเนินการโครงการไทยนิยมยั่งยืน ที่มีการวิจารณ์ว่าไม่ได้ผลคุ้มค่าและมีการดำเนินการที่ผิดปกติ ว่า สั่งประเมินและให้ตรวจสอบแล้ว ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ แต่เมื่อมีการวิพากษ์วิจารณ์ก็ให้รับเรื่องและข้อสังเกตไป และให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับผิดชอบ เช่น กระทรวงการคลัง กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ชี้แจงในส่วนของตัวเอง ต้องตรวจสอบประเมินผลด้วย ขณะนี้ยังไม่พบ และไม่ได้ทำเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อพรรคการเมือง ไม่ใช่ประชานิยม ฉะนั้น อย่าไปกล่าวอ้างกันไปเลอะเทอะ เพราะการใช้งบประมาณโครงการต่างๆ เหล่านี้เป็นความต้องการของประชาชน ผ่านประชาคม สำรวจไปแล้ว ต้องไปแยกแยะให้ออกว่าอันไหนเป็นของไทยนิยม อันไหนเป็นของกองทุนหมู่บ้าน ก็ต้องไปหาให้ได้ว่ามีไม่ชอบด้วยหลักการเหตุผลตรงไหน อย่าเอาอะไรมาตีกันไปมามันเสียเวลา

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า การที่อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ระบุโครงการไทยนิยมยั่งยืนไม่คุ้มค่า ไม่ได้ประโยชน์ต่อประชาชน ขอให้ตรวจสอบแก้ไขว่า ตามที่อดีตผู้ว่าการ สตง.อ้างนั้น ยืนยันว่าไม่ใช่โครงการไทยนิยมยั่งยืน แต่เป็นโครงการกองทุนหมู่บ้านที่ดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2559 ส่วนโครงการไทยนิยมยังอยู่ในช่วงดำเนินการ ทั้งนี้ จะแถลงข่าววันที่ 22 พฤศจิกายน เพื่อชี้แจงโครงการไทยนิยม

“หลายโครงการที่อดีตผู้ว่าการ สตง.อ้างถึง ไม่ว่าที่ จ.บุรีรัมย์ นครนายก เพชรบูรณ์ ไม่ใช่โครงการไทยนิยมยั่งยืน แต่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2544-2545 เชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจว่าคนพวกนี้ทำอะไรอยู่ อยากให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน” พล.อ.อนุพงษ์กล่าว

และว่า ไม่จำเป็นต้องใช้กลไกไทยนิยมยั่งยืนลงพื้นที่เพื่อชี้แจงประชาชนในเรื่องนี้ คงปล่อยให้กลไกทำงานตามปกติ ถ้าตอบโต้กันไปมาจะเป็นเหยื่อแร้งกาของสื่อ ไม่เกิดประโยชน์กับใคร ตนจะตั้งหน้าตั้งตาทำงาน หากพบว่ามีอะไรผิดก็แก้ไข และหวังว่าสังคมไทยจะไม่จมอยู่ในเรื่องเช่นนี้