กรณีประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรื่องกําหนดตําแหน่งของผู้มีหน้าที่ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินตามมาตรา 102 พ.ศ.2561 ที่ได้ประกาศในราชกิจจาบุเบกษาเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา โดยประกาศดังกล่าว นอกจากจะกำหนดให้ผู้ดํารงตําแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และเจ้าหน้าที่ของรัฐ ยื่นบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ รวมทั้ง ตรวจสอบ และเปิดเผยผลการตรวจสอบทรัพย์สิน และหนี้สินของบุคคลดังกล่าว ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแล้ว แต่ยังรวมถึง นายกสภามหาวิทยาลัย กรรมการสภา และอธิการบดี ของมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ มหาวิทยาลัยสงฆ์ มหาวิทยาลัยรัฐ มรภ.มทร. ส่งผลกระทบทำให้กรรมการ นายกสภาฯ หลายเริ่มทยอย ซึ่งล่าสุดมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ได้ทำหนังสือมห้ป.ป.ช.ทบทวนนั้น

นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) กล่าวว่า ตนได้ให้เจ้าหน้าที่ร่างหนังสือ สอบถามไปยัง ป.ป.ช. กรณีดำรงตำแหน่งปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสกสค. ซึ่งไม่ได้รับเงินเดือนจากสกสค.แต่รับเงินเดือนในตำแหน่งผู้ตรวจราชการศธ. เพียงตำแหน่งเดียว จะต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สินหรือไม่ รวมถึงสอบไปกรณีตำแหน่งผู้ตรวจราชการศธ. ซึ่งได้รับมอบหมาย จากปลัดศธ. ให้ไปเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัย โดยในส่วนของตนเองได้รับมอบหมายให้ไปเป็นกรรมการสภาฯ 2 แห่งคือ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กรณีเช่นนี้ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน ด้วยหรือไม่ ซึ่งหากป.ป.ช. แจ้งกลับมาว่า ต้องยื่นก็พร้อม ไม่ได้มีปัญหา