คนเขียนบทละครไทยย้อนถาม “ประยุทธ์” ทีมงานกดดันเวลาออนแอร์ไหม?

กรณีที่ ‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. ได้กล่าวถึง ละครไทย ว่ามีเนื้อหาด่ากันหรือไม่ก็แย่งสมบัติ ไม่เหมือนต่างประเทศที่สร้างสรรค์แต่สิ่งดีๆ

ทำให้ คุณ Thipdhida Satdhathip กล่าวในฐานะ คนเขียนบทละคร ว่า เรื่องลุงตู่ด่าละครและคนดูละคร คือข้าพเจ้ารู้สึกเยอะ เพราะเป็นคนเขียนบทละคร จึงขอแลกเปลี่ยนกับลุงตู่แบบผู้มีอารยะ ไม่หยาบคาย ดังนี้

เวลาลุงตู่พูด มีคนเขียนบทให้หรือไม่ ลุงจ้างมาเท่าไหร่ เมื่อเขาเขียน ลุงอ่านทบทวนกี่รอบ คิดไหม ว่าพับบลิคฟังหรือดูแล้ว จะรู้สึกอย่างไร จะชื่นชม เห็นด้วย คล้อยตาม หรือต่อต้าน สำหรับละคร มีคนเขียนบท เขียนแล้ว ก็ต้องแก้แล้วแก้อีก จากคอมเมนท์ของผู้จัดและของสถานี

จากนั้น ก็มีการประชุมโปรดักชั่น ถ้าบทของเรามีอะไรทะแม่ง ไม่มีเหตุผล ไม่น่าเชื่อ ทีมงานไม่เคลียร์ เขาจะถามให้คนเขียนบทตอบ ถ้าตอบไม่ได้ ต้องแก้ไข นักแสดงเมื่อมาเล่น ถ้าเขาไม่เชื่อในบท รู้สึกว่าบทมันขัดความรู้สึก เขาจะเคลียร์กับผู้กำกับก่อน ว่าจะอธิบายให้เขาแสดงได้อย่างไม่ตะขิดตะขวงหรือไม่ ถ้าผู้กำกับตอบไม่ได้ ผู้กำกับจะโทรมาให้คนเขียนบทอธิบาย

จากนั้น เมื่อถ่ายทำเสร็จ ทางห้องตัดต่อจะพิจารณาอีกที ว่าอะไรยืดเยื้อ น่าเบื่อ ซ้ำซาก คนตัดต่อจะตัดให้มันออกมาพอดีๆ ไม่หย่อนยานท้องช้าง จากนั้น ก็ส่งงานที่ตัดแล้ว ให้ทางผู้บริหารตรวจทานอีกรอบ ถ้ามีข้อตำหนิ หรือติดค้าง มันจะถูกตัด ถูกเขียนแก้ และถ่ายทำซ่อม

ดังนั้น เมื่อละครออกอากาศมาได้ หมายความว่า มันผ่านการทบทวน ตรวจทานแก้ไขมาอย่างเต็มที่ เพราะเวลามีค่า ค่าเวลาช่วงไพรม์ไทม์แพง ดังนั้น อะไรจะออกอากาศไป มันต้องดีพอ มิเช่นนั้น ประชาชนจะตัดสินคุณ โดยไม่ดู เรตติ้งไม่ดี โฆษณาไม่ซื้อ ไม่ได้บังคับเอาเวลามาฟรีๆตามใจชอบ เหมือน..ใครก็ช่างเถอะ..

ดังนั้น กว่าละครจะออกมาให้คนดูสบายๆผ่านพรวดๆๆจ๊วดๆได้นั้น มันผ่านการทำงานมาอย่างหนักหนาสาหัส เอาที่จริง พวกเราทำงานกันหนักมาก จนแทบไม่อยากพูดถึงค่าตัวด้วยซ้ำ แล้วลุงตู่ล่ะ จะออกทีวีแต่ละครั้ง ทีมงานของลุงทำเท่าที่เราทำไหม ถ้าไม่เท่า อย่าบังอาจมาเทียบมาเปรียบ หรือมาแข่งขันกัน ขอบคุณ