‘ไอติม’ โชว์นโยบายครุ่นใหม่ปชป. ชงแก้เกณฑ์ทหาร ใช้ระบบสมัครใจ ชี้ของเก่าทำสังคมเหลื่อมล้ำ

แฟ้มภาพ

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 3 พฤศจิกายน ที่ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ พรรคโดมปฏิวัติ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดเสวนา “ความพร้อมของนักศึกษาต่อการเลือกตั้งและการเมืองคนรุ่นใหม่” โดยมี 4 คนรุ่นใหม่ จากพรรคการเมืองเข้าร่วม นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล ที่ปรึกษาเลขาธิการพรรคเพื่อไทย น.ส.ชุมาพร แต่งเกลี้ยง รองหัวหน้าพรรคสามัญชน น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษกพรรคอนาคตใหม่ และนายพริษฐ์ วัชรสิทธ์ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เข้าร่วมอภิปราย

นายพริษฐ์ วัชรสิทธ์ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า วาทกรรมที่บอกว่าคนรุ่นใหม่ไม่สนใจการเมือง ถือเป็นการเหมารวม ไม่ยอมรับในความหลากหลาย เป็นกรอบที่เราต้องทำลาย เพราะตนเชื่อว่า คนไทยทุกคนสนใจบ้านเมือง ไม่จำเป็นที่คนรุ่นใหม่ต้องเติบโตมาเป็นนักการเมือง แต่ถ้าตราบใดที่ทุกคนยังสนใจเรื่องบ้านเมืองก็จะเป็นพลังที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ในฐานะคนรุ่นใหม่พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมเสนอแก้กฎหมายให้ลดอายุการสมัครส.ส.จาก 25 ปีให้มาอยู่ที่ 18 ปีเท่ากับอายุที่จะลงคะแนนเสียงเลือกตั้งได้ ที่ผ่านมายอมรับว่า คนมองพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคอนุรักษ์นิยม แต่เราจะผลักดันนโยบายของคนรุ่นใหม่ให้มากขึ้น เพื่อปรับประชาธิปัตย์เข้าสู่ยุคใหม่ ยึดมั่นในระบบเสรีนิยมประชาธิปไตย พวกเราพร้อมที่จะปรับระบบการเกณฑ์ทหารไปสู่ระบบสมัครใจ โดยต้องทำได้จริงและไม่เป็นความขัดแย้งต่อกองทัพด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้สะท้อนความเหลื่อมล้ำในสังคม พบปัญหาความรุนแรง และสิ่งสำคัญที่สุด คือการนำชายไทยออกจากระบบเศรษฐกิจ 2 ปีถือว่าเสียโอกาส หลายครอบครัวต้องแตกแยก อย่างไรก็ตาม ตนคิดว่า คนที่เห็นนโยบายเช่นนี้ จะไม่มองว่า เราเป็นพรรคอนุรักษ์นิยมแน่นอน 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงท้ายได้มีผู้ร่วมเสวนาลุกขึ้นถาม นายพริษฐ์ ถึงจุดยืนต่อการสนับสนุนการรัฐประหารของพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายพริษฐ์ ตอบว่า “ไม่มีวัน” จากนั้นได้มีผู้ร่วมอภิปรายถามต่อว่า แม้มั่นใจในอุดมการณ์ของนายพริษฐ์ในการไม่สนับสนุนเผด็จการ แต่ไม่มั่นใจผู้ใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ นายพริษฐ์ ได้ลุกตอบอีกครั้ง โดยระว่า “ผมก็สงสัยและบทบาทของพรรคต่อการรัฐประหารครั้งล่าสุด แม้ผู้ใหญ่จะมีเหตุและผลในแต่ละคน แต่สำหรับผมยันยันว่า ในอนาคตไม่มีวันที่พรรคประชาธิปัตย์จะสนับสนุนและมีส่วนร่วมกับการรัฐประหาร หรือการเข้ามาสู่อำนาจนอกเหนือไปจากระบอบประชาธิปไตย ถ้าวันหนึ่งมาถึงจริงๆ ผมพร้อมลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์”