‘สุดารัตน์’ ก้าวคุมยุทธศาสตร์เลือกตั้ง ดึง “ชัชชาติ-จาตุรนต์-โภคิน” ช่วยงาน

ที่มาภาพ : ดร.จรัล อัมพรกลิ่นแก้ว

วันที่ 28 ตุลาคม 2561 เมื่อเวลา 14.45 น. ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ แกนนำพรรคพท. ให้สัมภาษณ์ภายหลัง กรณีที่ไม่ได้รับการเสนอชื่อเป็นหัวหน้าพรรค ว่า ตนไม่ได้เสนอตัวตั้งแต่แรก วันนี้พวกเรามีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่าพล.ต.ท.วิโรจน์ เป็นหัวหน้าพรรค เพราะที่ผ่านมาได้เสียสละทำงานในช่วงเวลาที่ยากลำบาก ตั้งแต่การปฎิวัติ ช่วงรักษาการท่านกำหน้าที่ได้ดีและเข้มแข็ง

เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่มีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เป็นไปตามเวลาและขั้นตอน เมื่อเวลาและขั้นตอนมาถึงเราจะมีการเสนอชื่อ แคนดิเดต ซึ่งวันนี้ยังไม่มีการพูดถึงรายชื่อบุคคลที่จะเป็นแคนดิเดต เพราะยังไม่ถึงขั้นตอนที่จะยังเสนอ เมื่อถามต่อถึงช่วงเวลาที่จะเปิดเผยชื่อแคนดิเดตนายกฯ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ต้องไปตามกกต.และคสช. ซึ่งเป็นคนที่กำหนดวันว่าจะให้กระบวนการทำงานเกิดขึ้นได้เมื่อไหร่ ซึ่งมีคำสั่งคสช.มีประกาศห้ามทำกิจกรรมทางการเมืองอยู่ เราจึงอยู่ในสภาพที่มีขอบเขตที่จำกัด

เมื่อถามถึงรายชื่อที่เสนอเป็นแคนดิเดตนายกฯ จะมีแรงกระเพื่อมเกิดขึ้นหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ก็มีกระแสข่าวว่า คนนั้นจะเสนออีกคนเป็นหัวหน้า ทำให้พรรคดูมีความแตกแยก ท้ายสุดวันนี้ก็เห็นเป็นเอกฉันท์ร่วมกัน ดังนั้นพรรคพท. มีความสามัคคี อาจจะมีคนที่ผิดหวังอยู่บ้างบางท่าน ก็อาจไปพูดจาที่เสมือนว่ามีความขัดแย้งในพรรค วันนี้ก็พิสูจน์แล้วว่าเราไม่มีความขัดแย้งใดๆ เลย

เมื่อถามว่า หากสมาชิกมีเจตจำนงในการเสนอชื่อ คุณหญิงสุดารัตน์ เป็นนายกฯ จะรับหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ขอให้ถึงเวลาก่อน วันนี้รับหน้าที่เป็นประธานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งของพรรคพท. ขอทำหน้าที่นี้ก่อน เมื่อเราได้รับหน้าที่ไหนขอทำหน้าที่นั้นให้ดีที่สุด โดยจะเป็นการกำหนดการทำยุทธศาสตร์การเลือกตั้งทั้งหมดว่าจะเดินงานอย่างไรจะมีแนวทางและกลยุทธ์วางแผนการทำงานอย่างไร ตนจะรับผิดชอบในส่วนนี้ทั้งหมด ทั้งนี้หัวหน้าพรรคจะดูแลบริหารจัดการทั้งพรรค ตนดูแลยยุทธศาสตร์เป็นหนึ่งในทีมงานของท่าน แต่เป็นทีมนำรับผิดชอบการเลือกตั้งอยู่ภายใต้การทำงานของหัวหน้าพรรค โดยจะมีนายชัชชาติ นายจาตุรนต์ นายโภคินมาเป็นทีมช่วยกันทำงาน แต่ละท่านมีจุดแข็งมารวมเป็นพลังทำงานเพื่อประชาชน

เมื่อถามว่า การที่หัวหน้าพรรคไม่ได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ จะทำให้ประชาชนสับสนหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เรายังไม่หารือว่าจะเสนอชื่อใคร อย่าเพิ่งไปเดาว่าหัวหน้าพรรคจะไม่ถูกเสนอชื่อ ท่านเป็นคนดี ซึ่งสมาชิกเห็นใครเหมาะสมก็สามารถเสนอได้ ดังนั้นอย่าเพิ่งไปพูดว่าจะไม่มีการเสนอชื่อท่าน

เมื่อถามถึงความมั่นใจในการทำหน้าที่ยุทธศาสตร์ฯ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เราตั้งใจจะทำให้ดีที่สุด ต้องทำงานอย่างหนัก พวกเราตั้งแต่เป็นพรรคไทยรักไทยมาถึงพรรคเพื่อไทยทำงานโดยมุ้งเน้นที่ประชาชนป็นศูนย์กลาง เราเป็นคนทำงานมองเห็นศักยภาพคนไทยและประเทศไทยว่าจะเติบโตได้อีก ทุกนโยบายที่เราทำมา มุ้งเน้นปรึกษาหารือและร่วมกันคิดกับประชาชน ไม่ต้องสงสัยว่านโยบายของเราจึงถูกใจประชาชน พราะประชาชนมีส่วนร่วมในการคิดนโยบาย เราค้นคว้าข้อมูลและสาเหตุของความยากลำบากของประชาชน สิ่งที่เป็นต้นเหตุเศรษฐกิจที่ตกต่ำและวิธีคิดที่แตกต่างจากรัฐบาลปัจุบัน จากนั้นเราก็ต้องปรึกษาหารือกับประชาชน เพื่อให้นโยบายตอบสนองคามต้องการของประชาชนมากที่สุด เรามั่นใจว่านโยบายที่เกิดจากการฟังประชาชนเชื่อว่าจะตอบโจทย์ประชาชน ประชาชนไม่เรลือกเราเพราะชื่อและหน้าตาอย่างไร แต่เลือกเพราะเราจะแก้ปัญหาให้เขาได้ เราจึงมั่นใจในความสำเร็จของการเลือกตั้งในครั้งนี้ มั้นใจว่านโยบายจะถูกใจ เพราะเราปรึกษาและฟังประชาชน ซึ่งุดแข็งของเราคือนโยบาย

เมื่อถามว่า นโยบายจะทำให้พรรคได้เกิน 200 ที่นั่งหรือไม่ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เราไม่เคยประกาศตัวเลข ตนคิดว่าเป้าหมายเราจะทำให้ได้มากที่สุด ทำให้ประชาชนพึงพอใจได้มากที่สุดเช่นเดียวกัน เรามั่นใจในนโยบายจึงมั่นใจว่าประชาชนจะเห็นว่าเราเป็นคำตอบในการแก้ปัญหาให้เขา และเขาก็จะเลือกเรา

เมื่อถามว่า ในฐานะประธานยุทธศาตร์โฟกัสพื้นที่ใดเป็นพิเศษ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ยิ่งรัฐธรรมนูญเป็นแบบนี้เรายิ่งโฟกัสทั้งประเทศ

เมื่อถามถึงการสร้างความเข้าใจกับประชาชน หลังเกิดพรรคแนวร่วมของพรรคพท.ค่อนข้างเยอะ ซึ่งอาจจะเกิดการแบ่งคะแนนกัน คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า เมื่อถึงเวลาเราจะชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจและมั่นใจ เมื่อเราจะเริ่มรณรงค์เลือกตั้ง เราจะเคลียร์ภาพทั้งหมดว่าเราคือใคร เราคือเพื่อไทย และเราคือผู้ตอบโจทย์ในการแก้ไขปัญหาของประชาชนได้พรรคเดียว

เมื่อถามถึงข้อกังวลของกระแสข่าวการยุบพรรคเพื่อไทย คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า ถ้าคนที่มีอำนาจจ้องจะทำ เราก็ถูกกระทำมาหลายครั้งแล้ว ตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทย ตนเป็นกรรมการบริหารพรรค ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปี ท้ายที่สุดมีการตัดสินว่าไม่มีการจ้างพรรคเล็กลงสมัคร นี่คือตัวอย่างให้เห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่ยุติธรรม และอาจเกิดขึ้นได้ตามธงตามเป้า เราเผชิญมาหลายครั้ง หลายยุคหลายสมัย ถามกลัวไหม เราไม่กลัว เรามีทางจะรับมือ เรามั่นใจว่าสิ่งที่เขาพยายามกล่าวหา เราไม่มีความผิดใดๆ จะถามว่าอะไรกิดขึ้นได้ ถ้าผู้มีอำนาจอยากทำ แต่เรามีมาตรการที่จะรองรับ ให้พรรคพวกของเราคณะของเราให้รักษาชีวิตไปทำงานให้กับประชาชนต่อได้อย่างแน่นอน