“เดชรัตน์” ชี้ความล้ำเหลื่อมล้ำยิ่งห่าง คน 20%ได้ประโยชน์สวัสดิการ เศร้า! คนมีจะกินบอกคนจนต้องพึ่งตัวเอง

เมื่อวานนี้ (18 ตุลาคม 2561) นายเดชรัตน์ สุขกำเนิด นักวิชารด้านเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้โพสต์ข้อความพร้อมแสดงกราฟวิเคราะห์ความยากจนและความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย โดยระบุว่า

“ผมรู้สึกปวดใจทุกครั้ง เวลาฟัง “คนที่มีอันจะกิน” โดยเฉพาะ “ข้าราชการ” บอก (หรือหวัง) ให้คนจนพึ่งตนเอง โดยไม่สนใจข้อเท็จจริงว่า “ตนเองนั้นพึ่งรัฐบาล” อยู่เท่าไร

้อมูลจากสภาพัฒน์ ปี 2559 ชี้ให้เห็นว่า คนในกลุ่มครัวเรือน 40% ที่มีรายได้ดีที่สุดของประเทศ (พูดแบบภาษาสถิติว่า quintile ที่ 4 และ 5) ได้รับประโยชน์จากรัฐบาลในการศึกษามากกว่าคนอีก 60% ที่จนกว่าตนมาก โดยเฉพาะในระดับมัธยมปลายและอุดมศึกษา (รูปแรก โดยดูตามอายุในแกนนอน) ซึ่งเป็นระดับการศึกษา ที่คนกลุ่มที่มีรายได้น้อยเข้าถึงได้น้อยมาก ส่วนกลุ่มคนจนได้รับประโยชน์จากรัฐบาลมากกว่าในระดับประถมศึกษาและมัธยมต้น เพราะคนรวยส่วนหนึ่งพาลูกหลานเข้าโรงเรียนเอกชนหรือนานาชาติ

ยิ่งถ้าเป็นค่ารักษาพยาบาล เราจะเห็นได้เลยว่า คนในกลุ่ม 20% ที่รวยที่สุด หรือ quintile ที่ 5 ได้รับประโยชน์จากค่ารักษาพยาบาลจากรัฐบาลมากกว่ากลุ่มอื่นๆ เพราะเป็นกลุ่มที่ได้รับสวัสดิการข้าราชการ และสามารถเข้ารับการรักษาในโรคที่มีความซับซ้อนในการรักษาได้ (โดยเฉพาะในช่วงปลายของชีวิต รูปที่ 2) ในขณะที่คนที่มาจากครัวเรือนที่จน โดยเฉพาะ 20% ที่จนที่สุด ใช้ 30 บาทรักษาทุกโรค และอาจไม่สามารถไปรักษาพยาบาลในโรคที่ซับซ้อนได้ (เช่น ปัญหาการเดินทาง การดูแลผู้ป่วย เพราะหมอส่วนใหญ่กระจุกตัวในกรุงเทพฯ และเมืองใหญ่) แม้ว่าจะมีสิทธิ์รักษาก็ตาม

นายเดชรัตน์ระบุอีกว่า ข้อมูลของสภาพัฒน์ฯ นี้ ชี้ให้เห็นถึงความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงสวัสดิการพื้นฐานที่สำคัญของรัฐ ที่คนที่มาจากครอบครัวที่รวยกว่า กลับได้รับประโยชน์มากกว่า และทำให้ความเหลื่อมล้ำยิ่งมากขึ้นไปอีก

น่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่ รวมถึงคนรวยส่วนหนึ่ง ไม่เคยทราบข้อมูลนี้ว่า ชีวิตที่ดีของตนพึ่งพาคนอื่นๆ (โดยผ่านกลไกรัฐ) อยู่มากเพียงใด

ภายใต้ความไม่รู้อันนี้ การกล่าวคำว่า “ให้คนจนพึ่งพาตนเอง” นอกเหนือจากความหวังดีแล้ว ก็อาจเป็นไปเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นจากความเหลื่อมล้ำและความไม่ชอบธรรมดังกล่าว ซึ่งจะมีผลให้คนรวยสามารถรักษาระบบที่เป็นอยู่ และสถานภาพความได้เปรียบของตนไว้ได้ แบบ “เนียนๆ”