นักวิชาการ ชี้ เลือกตั้ง’62 การเมืองเปลี่ยนเยอะ เพื่อไทยพรรคเดียว ปักธงนำในสภาไม่ได้

วันนี้ (18 ต.ค.) รศ.ดร.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ นักวิชาการด้านเศรษฐศาสตร์การเมือง โพสต์ข้อความทางเฟสบุ๊ก วิเคราะห์สถานการณ์การเลือกตั้งของไทย โดยระบุว่า

การเลือกตั้งปี 62 มีลักษณะพิเศษแตกต่างกับปี 54 อย่างมาก

ปี 2554 คือ “จุดสูงสุด” ของพรรคชินวัตร ซึ่งมีกลุ่มสส.เก่าครบ (ยกเว้นกลุ่มเนวิน) และขบวนเสื้อแดงที่ยังสามัคคีเป็นปึกแผ่น ร่วมมือร่วมใจเคลื่อนไหวหาเสียงสร้างกระแส “ยิ่งลักษณ์ฟีเวอร์” ให้ฟรีๆ รวมทั้งกติกาเลือกตั้ง รธน.50 ที่ยังพอรับได้

แต่ปี 62 ขบวนเสื้อแดงที่เป็นปึกแผ่นไม่มีอยู่อีกต่อไป (จากการกระทำของทักษิณเองช่วงปี 56-57) แม้เสื้อแดงจำนวนมากยังคง “ห่วงยิ่งลักษณ์-รักทักษิณ” เหมือนเดิม แต่ก็ไม่มีทางเทียบได้กับพลังเสื้อแดงปี 54 ฐานเสียงของเพื่อไทยปี 62 นั้น “อย่างดีที่สุด” ก็เท่าเดิมกับปี 54

กติกาเลือกตั้ง 62 นั้นจงใจทำลายพรรคใหญ่อย่างเพื่อไทย สูตรเลือกตั้ง 70,000 เสียงต่อสส.หนึ่งคนนั้นเป็นที่รู้กันทั่ว แต่ข้อคิดของอดีตกกต.สมชัยก็น่าสนใจ เลือกตั้งปี 54 สส.เพื่อไทยชนะเขตด้วยคะแนนเสียงเฉลี่ย 5 หมื่นเท่านั้น (คือขาดไป 20,000 เสียงตามระบบปี 62) ซึ่งจะมีผลไปตัดลดจำนวนสส.บัญชีรายชื่อลง ทำให้เพื่อไทยได้สส.บัญชีรายชื่อน้อยมากหรือไม่ได้เลย! ตัวเลขสส.ที่นักวิเคราะห์คาดตรงกันคือราว 200 ที่ทักษิณคุยโวไว้ถึง 260+ นั้นจึงเป็นเพียง “จิตวิทยา” เท่านั้น

แล้วยังมี “คนรุ่นใหม่” อายุ 18-25 ปีที่เพิ่งมีสิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรกอีกราว 5-7 ล้านเสียงที่ได้รับอิทธิพลทักษิณน้อยมาก (แม้บางส่วนอาจลงคะแนนให้ทักษิณตามพ่อแม่) คนกลุ่มนี้จะทำให้ฐานเสียงเพื่อไทยมีสัดส่วนต่อผู้มีสิทธิ์ทั้งหมดลดน้อยลงไปอีก

ลำพังพรรคเพื่อไทย (กับฐานคะแนนเสียงเดิม) จึงไม่มีทางยึดที่มั่นเด็ดขาดในสภาเพื่อต้านเผด็จการได้เลย จำต้องอาศัยบรรดาพรรคกลาง-เล็กที่มีจุดยืนไม่เอาเผด็จการเข้ามาดึงคะแนนส่วนที่ไม่ใช่เสื้อแดง ไม่ได้ชื่นชมทักษิณ กระทั่งเกลียดทักษิณแต่ก็ไม่เอาเผด็จการ จึงจะมีโอกาสต้านทานเผด็จการในสภาภายใต้รธน.60 ได้