“ภูมิใจไทย”เปิดตัว ทีมงานเลือดใหม่ “อนุทิน” เผย เลือกใช้คนทำงานดี ไม่ใช่คนมีชื่อเสียง

“ภูมิใจไทย” เปิดตัว ทีมงานเลือดใหม่ ชู ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจประชาชน “อนุทิน” เผย เลือกใช้คนทำงาน ไม่ใช่คนมีชื่อเสียง เสนอแนวคิด “เปลี่ยนเสียงระเบิดเป็นเสียงเครื่องจักร” สร้าง SEC แก้ปัญหาชายแดนใต้

เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ที่พรรคภูมิใจไทย นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย(ภท.) นำเสนอแนวคิดเบื้องต้นก่อนพัฒนาเป็นนโยบายพรรคภูมิใจไทย พร้อมเปิดตัวคณะทำงาน หรือ New Blood ประกอบด้วย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ เลขาธิการพรรค รับผิดชอบแนวคิดด้านการเกษตร พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ อดีตรองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในฐานะโฆษกพรรคภูมิใจไทย รับผิดชอบแนวคิดด้านดิจิตอลเวิลด์ นายพะโยม ชินวงศ์ อดีตเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน(สช.) รับผิดชอบแนวคิดด้านการศึกษา นายจุลภาส ทอม เครือโสภณ ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจระหว่างประเทศ อดีตกรรมการบริษัท Thai Air asia-X และอดีตทีมรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของนายบิล คลินตัน อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา รับผิดชอบแนวคิดด้านการท่องเที่ยวและบริการ และนายสำเริง แหยงกระโทก อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)นครราชสีมา ผู้เชี่ยวชาญระบบสาธารณสุขและศูนย์สุขภาพชุมชน รับผิดชอบแนวคิดด้านสาธารณสุข

นายอนุทิน กล่าวว่า วันนี้เป็นการเปิดตัวคณะทำงานของพรรคภูมิใจไทย และนำเสนอแนวคิดที่จะพัฒนาเป็นนโยบายพรรคในอนาคต เพื่อนำเสนอต่อประชาชน ตามสโลแกน “ลดอำนาจรัฐ เพื่ออำนาจประชาชน เพื่อแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน” ซึ่งส่วนตัวพยายามสร้างทีมงานเพื่อทำแนวคิดให้เกิดความเป็นจริง และสามารถประกาศนโยบายนำไปสู่การเลือกตั้งครั้งต่อไป ตนเลือกใช้คนทำงาน ไม่ใช้คนที่มีชื่อเสียง และจากนี้พรรคจะไม่มองไปข้างหลัง มีแต่มองไปข้างหน้า เพราะหมดเวลาพูดถึงความขัดแย้ง

“ผมรู้ไม่หมด ผมจึงต้องเลือกใช้คนให้เป็น ทีมงานของผม เป็น New Blood ไม่ใช่ Young Blood ซึ่ง New Blood คือ คนที่มีความรู้ ความสามารถ มีประสบการณ์การทำงาน เป็นคนใหม่ที่สนใจทำงานการเมืองร่วมกับผมและพรรคภูมิใจไทย สมาชิกต้องรับแนวคิดเรื่องการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน เพราะปัญหาทั้งปวงมีจุดเริ่มที่เดียว คือ เงินไม่พอ ท้องไม่อิ่ม เราไปแก้ไขจุดเริ่ม ไม่ใช่แก้จุดกลางหรือปลาย หากเราแก้ได้จะนำไปสู่ความสงบสุข สามัคคี และความมั่นคงทุกด้าน และไม่จำเป็นจริงๆพรรคจะไม่พูดการเมือง แต่จะพูดเรื่องแก้ปัญหาปากท้องของประชาชนเพียงอย่างเดียว” นายอนุทิน กล่าว

นายอนุทินกล่าวต่อว่า การแก้ไขปัญหาให้ประชาชนเกิดความสะดวกสบาย รวดเร็ว ลดอำนาจรัฐ เพิ่มอำนาจให้กับประชาชน ต้องลดขั้นตอนต่างๆ เกี่ยวกับระเบียบกฎหมายของภาครัฐที่ทำให้เกิดความล่าช้า เพราะสุดท้ายกว่าประชาชนจะได้อะไรจากภาครัฐก็สายเกินไป นอกจากนี้ เรื่องการศึกษาซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญ เราจะแก้ปัญหาด้วยการพักหนี้กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เป็นเวลา 5 ปี เพื่อไม่ให้เกิดมนุษย์ NPLจะได้ไม่เป็นการสร้างภาระให้กับบุคลากรจบใหม่ เมื่อทำงานได้จึงค่อยมาชำระหนี้ ถือเป็นการเปิดโอกาส อย่างไรก็ดี พรรคภูมิใจไทยคิดว่า ถ้าตั้งใจลงทุนในบุคลากรของชาติ เงินลงทุนจะต้องสร้างความคุ้มค่าที่สุด นั่นคือความรู้ เพราะจะติดตัวไปตลอดชีวิต คนเราต้องมีความรู้ ความก้าวหน้า เมื่อสร้างรายได้มากขึ้นและมาชำระหนี้ ไม่ต้องมีคนค้ำประกัน ไม่ให้เป็นปัญหาในเรื่องปากท้องของประชาชน

“ผมฝันเห็นประเทศไทยเป็น THAILAND SHARING UNIVERSITY เรียนฟรีตลอดชีวิต แม้ผมป็นวิศวะ ทำงานการเมือง แต่เรียนรู้ด้วยตัวเอง เป็น WORLD GLOBAL KNOWLEDGE ด้วยการรวมช่องทางเพื่อให้คนเข้าไปสู่การศึกษาได้มากที่สุด ไม่ใช่เรียนที่บ้านเท่านั้น แต่ยังสนับสนุนให้เรียนตามสถาบัน หรือใครไปประกอบอาชีพสามารถเรียนรู้ เพื่อทำมาหากินในอนาคต ของเหล่านี้มีในประเทศไทย แต่ยังไม่มีการนำมาบูรณาการ”หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยระบุ

นายอนุทินกล่าวอีกว่า สำหรับด้านการเกษตร ที่ผ่านมายังคงเห็นความเหลื่อมล้ำจนเกิดปัญหาต่างๆ ที่เกษตรกรไม่ได้รับความไม่เป็นธรรม แม้ที่ผ่านมาจะมีนโยบายต่างๆช่วยเหลือ แต่กลับแก้ไม่สำเร็จแบบยั่งยืน เช่นพืชเศรษฐกิจอย่างข้าว อ้อย มัน ปาล์ม และยางพารา ดังนั้น จำเป็นต้องสร้างใหม่ด้วยการใช้ระบบแบ่งปันผลประโยชน์ หรือ Profit Sharing ส่วนการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้ จะใช้แนวคิดเปลี่ยนเสียงระเบิดเป็นเสียงเครื่องจักร SOUTH ECONOMIC CORRIDOR หรือ SEC ด้วยการต่อยอดจากพระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวัน พ.ศ. 2561 เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต และแก้ปัญหาตลอด 10 กว่าปีที่ผ่านมา ให้เกิดความมั่นคง ยั่งยืน ไม่ใช่เฉพาะภาคใดภาคหนึ่ง แต่ให้เกิดขึ้นทุกภาค เพราะจะได้ไม่มีใครว่าประเทศไทยหลายมาตรฐาน นอกจากนี้ จะสนับสนุนส่งเสริมอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน BIO-ENERGY หากพรรคได้ดูแลนโยบายพลังงาน เพื่อลดการใช้น้ำมันจากต่างประเทศ เพื่อผลิตอุตสาหกรรม แม้ต้นทุนสูงขึ้น แต่เงินยังหมุนเวียนในประเทศ กำไรอยู่ในประเทศไทย คนไทยใช้ คนไทยทำ ทำให้เกิดความมั่นคงตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ขณะที่ด้านท่องเที่ยวและบันเทิง แม้ประเทศไทยจะมีรายได้จากการท่องเที่ยว 20% ต่อจีดีพี แต่ไม่ได้เน้นความเป็นไทย ดังนั้น ต้องส่งเสริมให้นักท่องเที่ยวได้ไปใช้ชีวิตกับชาวบ้านในท้องถิ่น เช่น โฮมสเตย์ เพียงแต่วันนี้ยังไม่ได้รับการสนับสนุน เพราะติดขัดเรื่องกฎหมาย ดังนั้น ต้องทำให้ประชาชนสามารถใช้ทรัพย์สินที่ตัวเองมีเพื่อสร้างรายได้ นอกจากนี้ และด้านสาธารณสุข จะพัฒนาการทำงานของอาสาสมัครสาธารณสุขหมู่บ้าน(อสม.) ให้มีจำนวนมากขึ้นและมีศักยภาพการทำงาน เพื่อให้อสม.เป็นกลไกหลักของการทำงานด้านสาธารณสุขของประเทศไทย

ด้านนายเศรษฐพงค์ กล่าวถึงการเข้ามารับตำแหน่งโฆษกและร่วมงานการเมืองกับพรรคภูมิใจไทย ว่า เพราะได้รับการชักชวนจากนายอนุทิน และส่วนตัวก็มีแนวคิดข้อมูลเรื่องดิจิทัลมากมายที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการพัฒนาประเทศได้ เพราะดิจิทัลจะเข้ามาเชื่อมโยงในทุกมิติและเปลี่ยนโลก ซึ่งเมื่อตนมีโอกาสได้รับหน้าที่ทำงานด้านความเชี่ยวชาญที่ตนถนัด ก็อยากจะเข้ามาช่วยแก้ปัญหาปากท้องประชาชน

“เป็นการจุดประกายความหวัง จึงตัดสินใจ ยินดีที่จะมาร่วมงานกับคุณอนุทิน และพรรคภูมิใจไทย และทีมงานก็มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการเข้ามาทำงาน เชื่อว่าแนวคิดของคุณอนุทินจะปรากฎจริง มีโอกาสพัฒนาประเทศ คืนอำนาจสู่ประชาชน เราต้องการอำนาจเพื่อสร้างและเพิ่มอำนาจให้ประชาชน ไม่ใช่ลิดรอนอำนาจประชาชน ตำแหน่งผมเป็นตำแหน่งใหม่ ไม่เคยทำมาก่อน แต่ในอนาคตก็จะมีสิ่งใหม่ๆเข้ามา”นายเศรษฐพงค์ กล่าว