ไอเอ็มเอฟห่วงสงครามการค้าฉุดศก.เอเชียเติบโต แนะเปิดเสรีตลาดแก้ยอดส่งออกหด

วันที่ 12 ตุลาคม 2561 กองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟได้เปิดรายงานสถานการณ์เศราฐกิจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิค โดยได้แสดงความกังวลถึงความตึงเครียดทางการค้าระหว่างชาติมหาอำนาจที่เยื้อยื้อจะกระทบต่อการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในเอเชียถึง 0.9% ในปีหน้า และเรียกร้องให้ผู้กำหนดนโยบายของประเทศต่างๆในแถบนี้ใช้การเปิดเสรีทางการตลาดเป็นทางเลือกชดเชยยอดการส่งออกที่ตกลง

ไอเอ็มเอฟยังเตือนด้วยว่า ตลาดที่ผันผวนในเขตเศรษฐกิจเกิดใหม่จะย่ำแย่หนักหาก ธนาคารกลางสหรัฐฯหรือเฟดและธนาคารกลางในประเทศสำคัญ คุมเข้มนโยบายทางการเงินเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้

“การยอมรับความเสี่ยงถดถอยอย่างฉับพลัน ความตึงเครียดทางการค้าที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับความไม่แน่นอนของการเมืองและนโยบาย อาจนำไปสู่เงื่อนไขทางการเงินที่รัดกุมมากขึ้น” รายงานระบุและว่า ความโกลาหลที่เกิดขึ้นแล้วในตลาดเศรษฐกิจประเทศใหม่อาจเลวร้ายลง ด้วยการไหลเชิงลบในเอเชียจากการไหลของทุนลดลงและต้นทุนการเงินเพิ่มสูงขึ้น

ไอเอ็มเอฟยังคาดการณ์ว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจในเอเชียปีนี้จะขยายตัวอยู่ที่ 5.6% แต่ลงการประมาณการในปีหน้าเหลืออยู่ที่ 5.4% โดยลดลงในเดือนเมษายนปีหน้าไป 0.2%

นอกจากนี้ ไอเอ็มเอฟระบุว่า ภาวะถดถอยเช่นนี้เกิดจากผลกระทบของตลาดการเงินตึงเครียดและการคุมเข้มในเศรษฐกิจบางประเภท เช่นเดียวกับความเสียหายจากการทำสงครามทางการค้าของสหรัฐกับจีน การประกาศขึ้นภาษีใส่กันทำให้จีดีพีตกลง 1.6% และเกือบ 1% ในสหรัฐฯ ส่วนประเทศอื่นในเอเชีย ที่ส่งสินค้าไปยังจีนผ่านห่วงโซ่มูลค่าก็ส่งผลทำให้เศรษฐกิจถดถอยอย่างต่อเนื่อง ด้วยปัจจัยดังกล่าว การเติบโตทางเศรษฐกิจในเอเชียจะตกลงไปที่ 0.9% ไปอีก 2 ปีข้างหน้า

ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟได้ให้ข้อเสนอแนะว่า มาตรการระยะสั้นที่จะชดเชยผลกระทบที่เกิดขึ้น ผู้กำหนดนโยบายอาจลดความเสียหายได้ด้วยการเปิดเสรีตลาดของประเทศตัวเอง โดยเฉพาะในภาคบริการ

“การแข่งขันย่อมมีผู้ชนะและผู้แพ้ และผลกระทบจากการปฏิรูปเป็นเรื่องยากและต้องใช้เวลา แต่สวัสดิการที่ได้จะมีความยั่งยืน” ไอเอ็มเอฟ กล่าว