เผยแพร่ |
---|
บทสรุปจากอดีตกกต. นางสดศรี สัตยธรรม ที่แสดงความเห็นใจต่อวินิจฉัยของกกต.ในเงินบริจาคพรรคอนาคตใหม่ที่ว่า
“มีคนที่ใหญ่กว่ากรรมการและผู้เล่นในการเลือกตั้งที่จะถึง”
ไม่เพียงแต่ทำให้ฉุกไปยังประกาศคสช.ฉบับที่ 57/2557 หากแต่ยังทำให้กระบวนการของการเลือกตั้งหนีไม่พ้นไปจากวังวนแห่งมาตรา 44
จึงเห็นความเอาการเอางานของกกต.ที่จะจัดการกับพรรคเพื่อไทย
จึงเห็นการเกาะติดกับพรรคอนาคตใหม่อย่างใกล้ชิด
ขณะเดียวกัน ก็เห็นท่วงทำนอง “ฟาสท์แทร็ค” ในการพิจารณาอนุมัติให้กับพรรคการเมืองระยะหลังจาก 97 วันร่นลงมาเหลือเพียง 45 วัน
แม้กกต.จะยืนยันอย่างขันแข็งว่า ทุกมาตรการอันประกาศและดำเนินการเป็น”อัตวินิจฉัย”ของกกต.เอง
แต่ในแต่ละกระบวนท่าก็น่าสนใจ
มิเช่นนั้น นางสดศรี สัตยธรรม คงไม่ตั้งข้อสังเกตถึง”คนที่ใหญ่กว่ากรรมการและผู้เล่น”
นั่นก็คือ ใหญ่กว่าพรรคการเมือง และนักการเมือง
นั่นก็คือ ใหญ่กว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.
นั่นก็คือ เมื่อพรรคและเครือข่ายของคนที่ใหญ่กว่ากกต.เข้ามาอยู่ในฐานะของ “ผู้เล่น” ก็ย่อมจะได้รับการอำนวยความสะดวก อย่างเป็นพิเศษ
จากที่พรรคการเมืองอื่นต้องใช้เวลาในการตรวจสอบอย่างเข้มงวดและจริงจัง 97 วัน
ก็สามารถร่นมาเหลือเพียง 45 วัน
จากที่บาง”กลุ่ม”ทางการเมืองสามารถเดินสายและสัญจรเพื่อเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างเต็มที่ แต่บางพรรคแค่ถอนหายใจก็อาจจะมีความผิด
ปมเงื่อนอยู่ที่แม้จะมีรัฐธรรมนูญ แม้จะมีพรป.ว่าด้วยกกต. ว่าด้วยพรรคการเมือง ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.
แต่ที่ใหญ่กว่ายังเป็น มาตรา 44
แต่ที่ใหญ่กว่ายังเป็นประกาศคสช.ฉบับที่ 57/2557 คำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 3/2558 ฉบับที่ 53/2560 ฉบับที่ 13/2561
นี่คือการดำเนินตามคำขวัญ”ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง”