เผยแพร่ |
---|
แทนที่กรณี “เสียงโห่”ระหว่างการเปิดงานโมโตจีพีที่บุรีรัมย์ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะจบลงท่ามกลาง”เสียงยิ้ม”อย่างน่ารัก กลับกลายเป็นเรื่องเป็นประเด็นออกไปอีก
พลันที่ พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ ออกมาทำหน้าที่โฆษก กระทรวงกลาโหม
เข้าทำนอง ต่อความยาว สาวความยืด
“สื่อใหญ่นำคลิปจากตรงนั้นตรงนี้ไปปะติดปะต่อ นัดแนะว่า เอาคลิปคนนั้นคนนี้จากโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 ยังขุดกันมาให้เกิดความแตกแยก”
เป็นเรื่องเพราะความสงสัยใน “เสียง” ในสนามแข่ง
เป็นประเด็นเพราะว่า “โมโตจีพี”เข้าไปเกี่ยวกับ “6 ตุลา”ได้อย่างไร
ความจริง หลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เดินทางกลับจากโมโตจีพี การยืนพูดกับผู้สื่อข่าว
“เขาโห่ต้อนรับ ไม่ได้โห่ไล่”
ถือได้ว่าออกมาอย่างสะท้อนลักษณะ”โพสิทีฟ”เป็นอย่างสูงไม่ว่าในทางการเมืองและในทางการทหาร
สัมผัสได้กับสีหน้า แววตาของ “นักข่าว”
ต้องยอมรับว่า บทสรุปอันมาจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สะท้อนและเป็นแบบอย่างของ “ลุงป้อม” ใจดีออกมาอย่างเต็มเปี่ยม
ไม่มีความหงุดหงิด ไม่มีความไม่พอใจ
“ถ้าโห่ไล่เขาต้องขว้างสิ่งของใส่ เขาจะมาโห่ไล่ทำไม ไปทำงานให้เขา ผมก็ได้ยินเพราะเสียงดัง”
เป็นการพูดพร้อมกับรอยยิ้ม เป็นการพูดด้วยความเข้าใจ
นี่ย่อมตรงกันข้ามกับความพยายามอธิบายอันตามมาในอีกวันของโฆษกกระทรวงกลาโหม
เพราะเท่ากับสะท้อนความหงุดหงิด ความไม่พอใจ
สถานการณ์อันเกิดขึ้นที่สนามแข่งโมโตจีพีเป็นอย่างไร คนระดับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มีหรือที่จะไม่เข้าใจ
เพียงแต่เมื่อเข้าใจแล้วจะเผชิญปัญหาอย่างไรมากกว่า
เพียงแต่เมื่อเข้าใจแล้วจะกำหนดยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีอย่างไรในการคลี่คลายจากเรื่องที่คลุมเครือให้กลายเป็นความกระจ่าง
แทนที่จะต่อความยาว แทนที่จะสาวความยืด